ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.43 กลับมาแข็งค่าจากช่วงเช้า หลังมีแรงขายดอลล์ทำกำไร ตลาดจับตาประธานเฟดคนใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 3, 2017 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนนี้อยู่ที่ 33.43 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.48 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไรหลังบาทอ่อนค่าไปแตะระดับสูงสุดของวัน ที่ 33.54 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.41-33.54 บาท/ดอลลาร์

"บาทกลับมาแข็งค่าเท่าระดับปิดตลาดเย็นวานนี้เมื่อมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร วันนี้บาทอ่อนค่าสุดไปแตะที่ระดับ 33.54 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดวันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.40-33.50 บาท/ดอลลาร์

สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ตลาดจับตามองเป็นเรื่องความคืบหน้าในการแต่งตั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) คน ใหม่ และการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.96 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.10 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1700 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,689.97 จุด เพิ่มขึ้น 1.33 จุด, +0.08% มูลค่าการซื้อขาย 52,249.07 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 461.77 ล้านบาท(SET+MAI)
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของการส่งออกไทย
ปีนี้เป็นโตไม่ต่ำกว่า 6% จากก่อนหน้าคาดการณ์ทิศทางการส่งออกโต 5% หลังจากการส่งออกในช่วง 8 เดือนขยายตัว 8.9%
  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปี 60 น่าจะขยายตัว 3.7-4.0%
จากเดิม 3.5-4.0% เนื่องจากปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของการส่งออกในปีนี้เป็น 6.5-7.5% จากเดิม 3.5-4.5%
  • นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย คาดค่าเงินบาทปลายปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 34.00 บาท/ดอลลาร์
เนื่องจากหลายปัจจัยหนุน ได้แก่ ภาวะเกินดุลการค้าของไทยในปีนี้ เนื่องจากยังมีความเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างต่อ
เนื่อง และการที่สหรัฐฯ มีนโยบายดอลลาร์แข็งค่า ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าประเทศ นอกจากนี้ยังผูกโยงไปถึงเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นในช่วงปลายปี แต่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50%
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่า ในช่วงวันที่ 1-8 ต.ค. 60 หรือ Golden Week ซึ่งเป็นวันชาติของจีน
จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวน 260,000 คน ขยายตัวถึง 35% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
และคาดว่าจะสร้างรายได้แก่ประเทศกว่า 11,000 ล้านบาท
  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) คาดว่า ภายในไตรมาส 1 ปี 61 จะได้เห็นความชัดเจนแผน
บริหารหลักทรัพย์จำนวน 109 แห่งที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.1 ล้านล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่
ใช่รัฐวิสาหกิจราว 3.8 แสนล้านบาท
  • นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่คณะกรรมการกำกับดูแล
เสถียรภาพทางการเงินของสหรัฐ (FSOC) ได้ตัดสินใจถอดชื่อบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งเป็นบริษัทประกัน
รายใหญ่ของสหรัฐ ออกจากบัญชีรายชื่อบริษัทที่ต้องถูกกำกับดูแลอย่างเข้มงวดนั้น เป็นเพราะบริษัท AIG ได้ปรับลดขนาดสินทรัพย์ลง
กว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ AIG มีความเสี่ยงที่น้อยลงต่อระบบการเงินของสหรัฐ
  • ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้เปิดเผยรายงานที่มีชื่อว่า "Purple Book" ซึ่งระบุถึงแนวทางการเตรียมความ
พร้อมสำหรับธนาคารต่างๆ ในการรับมือกับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้น
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 43.9 จากระดับ 43.3 ใน
เดือนส.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 43.5
  • สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในคืนนี้ ประกอบด้วย ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุป
ทานของสหรัฐ (ISM) และยอดขายรถยนต์เดือนก.ย.
  • นักลงทุนในตลาดการเงินจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์
ในการประชุมที่รัฐมิสซูรี ในวันพรุ่งนี้

ขณะที่มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีกำหนดกล่าวกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดหน่วยงาน ECB Visitor Centre ที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ