นักวิชาการชี้ตลาดท่องเที่ยวจีนยังโตได้อีกไกล แนะผู้ประกอบการปรับตัวคว้าโอกาสจากความได้เปรียบ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 11, 2017 18:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังคงได้รับความสนใจจากธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุที่จีนเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก และมีกำลังซื้อสูง ขณะที่ประเทศไทยเองก็เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยในปีนี้มีการคาดการณ์กันว่าประเทศไทยจะมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศมากถึง 30 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนั้นคาดว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากจีนประมาณ 9 ล้านคน และมีแนวโน้มว่าจะทะลุ 11 ล้านคน ในปี 2561 อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อุปสรรคก็ยังคงปรากฎให้เห็นอยู่ ทั้งในแง่ของจำนวนและคุณภาพของนักท่องเที่ยว ตลอดจนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมารยาทและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลและองค์กรของทั้ง 2 ประเทศร่วมมือกันแก้ไขมาโดยตลอด สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ในฐานะตัวแทนส่งเสริมความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงจัดเสวนาโต๊ะกลมในหัวข้อ “ท่องเที่ยวไทย-จีน โอกาสโตอย่างยั่งยืน" เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงทิศทางการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ

คุณชาติ จันทนประยูร ประธานสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวถึงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทยว่า ไทยเริ่มหันมาสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือเมื่อราวๆ 60 ปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเล็งเห็นถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทั้งทางด้านวัฒนธรรมและทรัพยากรอันหลากหลายของไทย ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่ประเทศอื่นๆรอบด้านเพิ่งได้รับเอกราชจากเจ้าอาณานิคม ในตอนนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สงบสุขเหมาะสมกับการท่องเที่ยวมากที่สุด จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวขึ้นมาดูแลรับผิดชอบในด้านดังกล่าวอย่างจริงจัง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากทางฝั่งอเมริกานิยมเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

ในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยนั้นก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากชาวจีนมีทัศนคติที่ดีต่อคนไทย พวกเขามองเห็นว่าคนไทยมีความเข้าใจ พยาพยามปรับตัว และเป็นมิตร ซึ่งเหตุผลเหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน

คุณนริศ สถาผลเดช เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยเติบโตขึ้นได้เพราะการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวไทยก็โตขึ้นได้เพราะนักท่องเที่ยวจีน" พร้อมกับเสริมว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยนั้นก็เติบโตขึ้นในระดับเลข 2 หลักทุก ๆ ปี เพราะฉะนั้นทั้งไทยและจีนต้องปรับตัวเข้าหากัน ทั้งในด้านวัฒธรรมและเทคโนโลยี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามาในประเทศมากขึ้น ซึ่งคุณภาพในแง่ของการธนาคารก็คือความสามารถในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น ในตอนนี้เราอาจจะพบว่าจำนวนเงินที่นักท่องเที่ยวจีนนำเข้ามาใช้จ่ายในไทยนั้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเงินที่นักท่องเที่ยวจากยุโรปหรืออเมริกาใช้จ่าย นี่เป็นโจทย์ที่เราต้องมองหา

สำหรับประเด็นในเรื่องกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวนั้น รศ.ดร.เลิศพร ภาระสกุล นักวิชาการด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต อธิบายเสริมว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเองก็เคยมีนโยบายเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง แต่พบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมักนิยมเดินทางไปยุโรปหรืออเมริกา เพื่อซื้อสินค้าแบรนด์เนมมากกว่าที่จะมาซื้อในไทย และจุดอ่อนอีกเรื่องหนึ่งของไทยก็คือเรายังคงต้องพึ่งพาสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้เกิดการรั่วไหลของรายได้ เพราะฉะนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องโปรโมทสินค้าท้องถิ่นขึ้นมาเป็นจุดขาย ตลอดจนโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากเมืองใหญ่ๆที่นักท่องเที่ยวกระจุกตัวกันอยู่ เพื่อเป็นการกระจายรายไปสู่ชุมชนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เขายังแสดงมุมมองด้านการท่องเที่ยวในแง่ของความยั่งยืนว่า หากมองไปถึงจำนวนของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่สิ่งที่ควรตระหนักมากไปกว่านั้นก็คือผลกระทบจากการท่องเที่ยวซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีทั้งด้านลบและด้านบวก ทั้งในแง่ของรายได้ที่เกิดขึ้นกับชุมชน ผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรม

รศ.ดร.เลิศพร เสริมอีกว่า เม็ดเงินที่ไทยได้รับจากนักท่องเที่ยวจีน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่ทำการวิจัยออกมาได้อย่างแน่นอนว่าเงินจากกระเป๋านักท่องเที่ยวจีนเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในประเทศไทยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ เพราะหากโรงแรมที่นักท่องเที่ยวเหล่านั้นเข้าพักเป็นของนักธุรกิจจีน สินค้าที่พวกเขามาซื้อเป็นสินค้าแบรนด์ต่างชาติ เงินก็จะรั่วไหลออกจากประเทศของเราอย่างแน่นอน

ขณะที่ประธานสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า สิ่งที่ไทยควรจะมองไม่ใช่แค่เพียงรายได้ แต่ต้องมองถึงรายจ่ายที่เราต้องแบกรับ ทั้งค่าใช้จ่ายในการดูแล บูรณะสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเข้าชมเป็นจำนวนมากย่อมทำให้เกิดความเสื่อมโทรมขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งเรื่องความมีเสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่เริ่มจะหายไป เมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเยอะขึ้น ส่งผลให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจากเดิม รวมถึงเรื่องความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวซึ่งบางสถานที่อาจมีขนาดเล็กและคับแคบเกินไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยควรตระหนักมากกว่าเม็ดเงินที่เราได้รับจากนักท่องเที่ยวเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่มักจะเดินทางมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่ในวันนี้พวกเขาชอบที่จะเดินทางด้วยตนเองมากกว่า ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก เพระฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำได้ก็คือการนำเสนอสินค้าที่มีความเหมาะสมกับพวกเขา ซึ่งอาจจะไม่ใช่สินค้าที่มีราคาสูงมากเกินไป

นอกจากพฤติกรรมการเดินทางที่เปลี่ยนไปแล้ว คุณนริศยังกล่าวถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของชาวจีนในปัจจุบัน โดยเขาระบุว่า ปัจจุบันประเทศจีนนับเป็นประเทศที่มีการพัฒนามากที่สุดในเรื่องการชำระเงินในโลกดิจิทัล ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องเข้าใจว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่เหมือนกับนักท่องเที่ยวจากชาติอื่นๆ โดยนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่นิยมชำระเงินด้วยบาร์โค้ดผ่านระบบอาลีเพย์หรือวีแชทเพย์ ผู้ประกอบการไทยเองจำเป็นต้องหาบริการให้รองรับระบบเหล่านี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวเหล่านั้น

ด้านคุณจาง ซิน หง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (CNTA) ประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานยี่สิบสองแห่งทั่วโลกของกรมการท่องเที่ยวจีน กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีนเป็นองค์กรของรบ.สังกัดสำนักงานนายกรัฐมนตรีจีนโดยตรง ที่ทำหน้าที่ประสานงานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวในมุมมองของทางฝั่งจีนว่า รัฐบาลจีนเองเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและพยายามหาทางแก้ไข เพื่อให้ความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยและจีนเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มเติมกฎระเบียบว่าด้วยการบริหารบริษัทท่องเที่ยวโดยห้ามไม่ให้บริษัทท่องเที่ยวขายทัวร์ในราคาต่ำหรือราคาที่ไม่สมเหตุสมผล และร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ อีกทั้งกำหนดให้บริษัทท่องเที่ยวต่างๆให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางออกนอกประเทศ รวมถึงการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมารยาทในการท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ

ผอ. CNTA ทิ้งท้ายว่า ชาวจีนในปัจจุบันนิยมเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกันเป็นจำนวนมาก โดยมีการจัดทัวร์ไปเที่ยวถึง 123 ประเทศทั่วโลก และประเทศไทยก็เป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยทัศนคติที่ดีทำให้ไทยมีความได้เปรียบในแง่ของการแข่งขัน หากรัฐบาล สมาคม องค์กรต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น จะทำให้การท่องเที่ยวระหว่างทั้ง 2 ประเทศเติบโตขึ้นอย่างยั่งยืนแน่นอน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ