นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.21 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจาก เย็นวานนี้ หลังนักลงทุนรอผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันนี้ รวมถึงการประกาศรายชื่อประธานเฟดคนใหม่ด้วย
"เงินบาทค่อนข้างแกว่งแคบรอปัจจัยหลัก ได้แก่ FOMC จะสรุปผลการประชุมคืนนี้ ความชัดเจนเรื่องประธานเฟดคน ใหม่ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนวันศุกร์"นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15-33.25 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 33.170 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (31 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.24462% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (31 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.38287%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.89 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 113.24 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1634 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1635 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารอยู่ที่ระดับ 33.2240 บาท/ดอลลาร์
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ต.
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับปัจจัย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 54.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 61.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงิน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.20 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิด ที่ระดับ 1,270.50 ดอลลาร์/ออนซ์
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเขตชิคาโกพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 66.2 ซึ่งเป็น
- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3
- ธปท.เตรียมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยและคาดการณ์การส่งออกใหม่ในเดือนธ.ค.นี้ หลังจากเศรษฐกิจไทยใน
- นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ถึงมาตรการช็อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและ
- สศอ.ปรับเป้าดัชนี MPI ปี 60 เป็น 1-2% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 0.5-1.5% และ ปรับ GDP ภาคอุตสาหกรรม