ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.64 แข็งค่าต่อเนื่องตามภูมิภาค หลัง sentiment ดอลลาร์ยังไม่ดี มองกรอบพรุ่งนี้ 32.60-32.70

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 27, 2017 17:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.64 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เปิดตลาดเช้าที่ระดับ 32.67 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค ทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 2 ปีครึ่งนับตั้งแต่เดือน เม.ย.58 โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.64-32.69 บาท/ดอลลาร์

"ระหว่างวันบาททยอยแข็งค่าและปิดตลาดแข็งค่าสุดของวัน เนื่องจาก sentimental ของดอลลาร์ไม่ค่อยดี" นัก
บริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ 111.25 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 111.63 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1931 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1915 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,695.67 จุด ลดลง 0.17 จุด, -0.01% มูลค่าการซื้อขาย 46,526.66 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,207.02 ล้านบาท (SET+MAI)
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้ม
เคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.85 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.68 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เงินบาทยังทำ
สถิติแข็งค่าสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2558
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ธนาคารปฏิวัติวงการฉีกรูปแบบการให้บริการสาขาสู่ประสบการณ์
Nextperience ครั้งแรก ด้วยการเปิดตัว 4 ต้นแบบศูนย์บริการลูกค้ารูปแบบเฉพาะ โดยเป็นการปรับรูปแบบการให้บริการจากสาขา
รูปแบบเดิมที่ให้บริการธุรกรรมทุกประเภท เป็นศูนย์บริการรูปแบบใหม่เน้นการให้คำปรึกษาและให้ความรู้ทางด้านการเงินที่ตรงกับ
ความต้องการตามกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะ
  • ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ตั้งเป้าขยายจำนวนลูกค้าผู้ถือบัตรเพิ่มเป็น 2.5 ล้านใบ หรือเติบโตราว 10% จากปีนี้
โดยจะเน้นการขยายฐานในกลุ่มพนักงานประจำมากขึ้น ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตตั้งเป้าเติบโตขึ้น 15% จากปีนี้ที่เติบโต
8.5-9% ซึ่งการเติบโตของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่มากขึ้นมาจากการขยายฐานลูกค้า และภาวะเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้นในปี 61
  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) รุกงานวาณิชธนกิจ ตั้งเป้ารักษารายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจวาณิชธนกิจในปี
61 ใกล้เคียงกับปี 60 ที่ 200-300 ล้านบาท โดยธนาคารจะต้องขยายงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปี 61 เป็น 20 ดีล จากปีนี้ 10 ดีล
  • ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ได้ทำแผนการตรวจการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะการเก็บภาษีและ
การเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อช่วยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจมากที่สุด โดยการเก็บภาษีสำหรับปีงบ
ประมาณ 2561 นั้น กรมสรรพากรมีเป้าหมายการจัดเก็บภาษีที่ 1.9 ล้านล้านบาท, กรมสรรพสามิต 6 แสนล้านบาท และกรม
ศุลกากร 1.1 แสนล้านบาท คาดว่าจะเป็นไปได้ตามเป้าหมาย
  • คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวในงานสัมมนาวิชาการประจำปี หัวข้อ"แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางการ
ลงทุนปี 2561: อนาคตประเทศไทย เปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย"ว่า คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 61 จะอยู่
ที่ 4.1-4.7% อัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นมาที่ 1.0-1.5% การส่งออกอยู่ที่ 6-8%
  • บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้นเหนือนระดับ 1 ล้านเยน (8,900 ดอลลาร์สหรัฐ) ในการซื้อขายที่ตลาด
ปริวรรตเงินตราดิจิทัลญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) ท่ามกลางกระแสคาดหวังว่าจะมีการใช้เงินสกุลดิจิทัลนี้อย่างแพร่
หลายในอนาคต
  • มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การที่ธนาคารกลางจีน
(PBOC) ได้ขยายโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) 2 รายการในปีนี้ ส่งผลให้การควบคุมดูแลการเงินมีทิศทางที่ดีขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ