นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.60/61 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.60 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบมาก เนื่องจากตลาดอยู่ในช่วงรอฟังผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบาย การเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ระหว่างวันที่ 12-13 ธ.ค. ซึ่งในไทยน่าจะทราบผลการประชุมได้วันที่ 14 ธ.ค. และ หาก FOMC ลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ส่งผลให้เงินบาทปรับอ่อนค่า ลงได้
"ตอนนี้ยังคง wait & see เพราะรอผลประชุม FOMC น่าจะรู้ช่วงเช้าวันพฤหัส ซึ่งบาทก็มีโอกาสจะอ่อนค่าได้ หากผล ออกมาว่าขึ้นดอกเบี้ย เพราะจะทำให้ดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น" นักบริหารเงินระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.55 - 32.75 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.45/46 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.53 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1782/1785 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1737 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,702.17 จุด ลดลง 4.35 จุด (-0.25%) มูลค่าการซื้อขาย 52,256 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 709.62 ลบ.(SET+MAI)
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้ม
ขณะที่นักลงทุนจะจับตาการส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป หากเฟดปรับลดประมาณการเดิมที่เคยบ่งชี้ถึง การขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 61 หรือแสดงท่าทีกังวลที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน เงินดอลลาร์อาจจะเผชิญแรงเทขาย เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในทางกลับกัน หากเฟดคงประมาณการทิศทางดอกเบี้ยไว้ตาม เดิม ดอลลาร์จะสามารถประคองตัวได้ในระยะสั้น
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอบทความเรื่อง เงินบาทกับเศรษฐกิจไทย ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
พร้อมคาดว่าในระยะต่อไป คาดว่าแรงกดดันต่อค่าเงินบาทจากดุลบัญชีเดินสะพัดจะลดลง ตามแนวโน้มการบริโภคภาค เอกชน และการลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่จะปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้การนำเข้าสูงขึ้น และทำให้ ขนาดของดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางค่าเงินบาทมาจากค่า เงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง ขนาดของดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นเพียงปัจจัยเสริม ผู้ประกอบการจึงควรทำประกันความเสี่ยง อัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าในด้านที่มิใช่ราคา ซึ่งเป็นวิธีรับมือกับความผันผวน ของอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดในระยะยาว
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินใช้จ่ายของคนกรุงฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 จะอยู่ที่ 29,600 ล้านบาท
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยในวันนี้ว่า จีนควรให้ความสำคัญกับเสถียรภาพด้านการเงินมากกว่า
- หอการค้าอังกฤษ (BCC) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศปีนี้ จากระดับ 1.6% ลงสู่
- กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีจะช่วยสร้างรายได้มากถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐใน
- นักลงทุนจับตาการประชุมระยะเวลา 2 วันของเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ ขณะที่มีกระแสคาดการณ์เป็นวง
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเปิดฉากการประชุมขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ และคาดว่า การประชุมดังกล่าวอาจจะมี
การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ทาง ECB จะปรับลดปริมาณการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเริ่มมีผล
บังคับใช้ในช่วงเดือนม.ค. 2561