พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้ง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, นายกอร์ปศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ 2561 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากงดกิจกรรมดังกล่าวในช่วงงานพระราชพิธี
ภายในงานเริ่มต้นด้วยการให้นางสาวบุญระดม จิตรดอน ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอเอฟพี เป็นตัวแทนสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวถึงการทำงานร่วมกันที่หวังว่าในวันปีใหม่จะลดช่องว่างระหว่างกัน และสามารถทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีมีรอยยิ้มตลอดปี ทำงานประสบผลสำเร็จ
ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดใจถึงสื่อมวลชนด้วยการตัดพ้อถึงการเสนอข่าวของสื่อมวลชนซึ่งหลายครั้งถูกตีความเจตนาผิดออกไป จากที่ต้องการจะสื่อสาร โดยนายกรัฐมนตรีชูหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่อ่านในแต่ละวัน พร้อมยกตัวอย่างข้อความที่ถูกระบุว่าบิดเบือนและสร้างความสับสน พร้อมชื่นชมบางส่วนที่นำเสนอผลงานของรัฐบาล และให้คำแนะนำในประเด็นที่เป็นประโยชน์ และจะส่งงานต่อให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ คือ มักตกเป็นประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องที่ประกาศยอมรับเป็นนักการเมือง ก็ถูกนำไปตีความ ทั้งที่ไม่เคยมุ่งหวังคะแนนเสียง แต่มุ่งหวังที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ
"ปวดหัวสถานะ ผมไม่ใช่นักการเมืองมาจากการเลือกตั้ง แต่เรียกนักการเมืองก็ได้ เพราะมาทำงานการเมือง จะพูดอะไรก็ถูกว่า เรื่องของหมาก็คือหมา ผมเจตนาดี อยากให้กำลังใจคนขายผม เป็นคนมีน้ำใจแบบนี้ เข้าใจตัวตนของผมบ้างนะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้มีสิทธิพิเศษ หรือละเว้นการตรวจสอบได้ แต่เมื่อชี้แจงด้วยข้อกฎหมายกลับถูกมองว่า เป็นการสมยอมหรือซูเอี้ยกับฝ่ายตรวจสอบ ทั้งที่ความจริงแล้วทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนปกติ ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจ อย่ากดดัน จนทำให้ต่างชาตินำไปเป็นประเด็น หากยังเป็นอยู่แบบนี้ คล้ายกับว่ามีการขัดขวางไม่สามารถให้ประเทศเดินต่อไปได้ ซึ่งหลังจากนี้แม้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตนเองก็ยังอยู่กับคนไทย เพราะเป็นคนไทยคนหนึ่ง มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในประเทศไทยได้ และใครที่คิดจะมาไล่ล่าฆ่าฟัน แต่หากจะมีก็ลองมาดู ตนเองไม่ได้ท้าทาย แต่พูดปรามไว้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีจอหรือปีหมา ซึ่งหมาซื่อสัตย์กับเจ้าของ แม้จะมีคนทำนายไว้ว่าตนเองดวงตก หรือดวงแตกก็รับฟังไว้ เพราะเป็นแค่เรื่องทางสถิติ แต่ถ้าใจเราดีก็จะฝ่าฝันอุปสรรคไปได้ ด้วยกำลังใจ และความดี ศรัทธา หากรักประเทศอย่าทำลายกันโดยเฉพาะศักดิ์ศรีของประเทศ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้อวยพรสื่อมวลชนว่า ไม่เคยจำกัดเสรีภาพสื่อ ให้โอกาสในการนำเสนอข่าว แต่หากไม่เข้าใจกัน ตนเองพร้อมใช้ช่องทางอื่น เพื่อสื่อสารกับประชาชนแทน พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวที่สร้างสรรค์ เพื่อร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยไปกับรัฐบาล
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างรับประทานอาหารกับสื่อมลชนกรณีที่ไม่ให้ความชัดเจนการเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก หรือการลงเล่นการเมืองว่า สื่อย่อมรู้คำตอบดีว่าพูดไปก็จะเป็นการตัดทาง เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกก็ถือว่าตามระบบ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ หากพรรคการเมืองไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีกันเองได้ในสภา รัฐธรรมนูญก็เปิดช่องทางให้เสนอนายกรัฐมนตรีคนนอกได้ เพื่อเป็นการตัดเรื่องการปฎิวัติ ต่อไปนี้จะไม่มีการปฎิวัติแล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีคนนอกก็เลือกกันในรัฐสภา แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครเสนอตนเองให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เป็นหัวหน้า คสช. และมาเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ตนสูญเสียคือความเป็นส่วนตัว ไม่เคยได้ไปเที่ยวหรือ เดินชอปปิ้ง กินข้าวนอกบ้านที่ไหนเลย ทุกวันนี้สมองคิดแต่เรื่องงานหลายเรื่อง และที่ร่างกายดูซูบลงไม่ได้เป็นโรคอะไร เป็นเพราะกินข้าวไม่อร่อย เลยกินได้น้อย และพบหมอตรวจสุขภาพทุก 3 เดือน ทั้งที่ปกติเป็นคนไม่เรื่องมากกับอาหารการกิน ซึ่งภรรยายังถามว่า อยากกินอะไร ตนเองมักจะบอกว่าให้จัดอาหารมาเลย ขณะที่ภรรยาบอกไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองชอบกินอะไร ส่วนเรื่องการนอนพักผ่อน ทุกวันนี้นอนวันละ 4-5 ชั่วโมง ตอนแรกๆ นอนไม่ค่อยหลับ เรียกว่าไม่เคยหลับลึก หลับๆตื่นๆ เพราะในหัวคิดหลายเรื่อง และตนเองก็เป็นคนจำได้ทุกเรื่อง ความจำดีเกินไป แต่ถามหมอแล้วบอกว่า ไม่เป็นอะไร แค่เป็นคนคิดเยอะ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร้องเพลง "เงียบๆคนเดียว" ของ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย และเพลง "สายโลหิต" ขณะที่สื่อมวลชนร้องเพลง "แพ้ใจ" ให้กับนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จับสลากของขวัญให้สื่อฯ และมอบหมวกไทยคู่ฟ้า เป็นที่ระลึกและร่วมกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง