(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.30 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ นลท.รอดูข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯสัปดาห์นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 7, 2018 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.30 บาท/ดอลลาร์ แข็ง ค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.40 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุดเงินบาทขยับมาอยู่ที่ระดับ 31.34 บาท/ดอลลาร์ วันนี้คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุน ติดตามการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่สำคัญในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payroll) เดือนก.พ. ขณะที่ในภาพรวมแล้ว มองว่าค่าเงินในช่วงนี้มีโอกาสเคลื่อนไหวไปตาม sentiment ของดอลลาร์สหรัฐเป็นสำคัญ

"บาทวันนี้น่าจะพักตัวในกรอบแคบๆ รอดูตัวเลข Nonfarm ของสหรัฐ ตอนนี้คงเคลื่อนไหวไปตาม sentiment ของ สหรัฐ โดยเฉพาะข่าวการเมือง กรณีการลาออกของที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ประจำทำเนียบขาว ตลอดจนนโยบายการค้าต่างๆ ของ สหรัฐฯ" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.30-31.40 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (6 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.96490% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (6 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.08683%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 31.3450 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.77 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 105.85 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2410 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.344 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.3790 บาท/
ดอลลาร์
  • เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ที่ สนส. 3/2561 เรื่อง หลัก
เกณฑ์เกี่ยวกับช่องทางให้บริการของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ หรือมีผลในวันที่ 6 มี.ค.เป็นต้น
ไป เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการตามพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และปรับตามการพัฒนาเทคโนโลยี
ต่างๆ ทำให้ลูกค้าจะได้รับความสะดวกมากขึ้น
  • คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แสดงความกังวลเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ที่ไตรมาสแรกปี
งบประมาณ 61 (ต.ค.-ธ.ค.60) ติดลบถึง 6% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาค
รัฐฉบับใหม่ มีขั้นตอนเพิ่มขึ้น หากไม่เร่งแก้ปัญหาจะส่งผลกระทบถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ตั้งเป้าไว้ 3.8-4.5%
และที่สำคัญจะส่งผลถึงเศรษฐกิจฐานราก เพราะเม็ดเงินเข้าสู่ระบบล่าช้า
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จะหารือกับผู้อำนวยการประจำสำนักต่างประเทศของ ททท.ใน
ยุโรปทั้ง 8 แห่ง ถึงแผนการกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่จะไปเที่ยวไทย
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 มี.
ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์นั้น
อาจกลายเป็นข้อพิพาทในแวดวงการเมืองของสหรัฐ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงท่าทีต่อต้าน
มาตรการดังกล่าว
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ช่วยกระตุ้นแรงซื้อในตลาด
ทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิ
เนียมซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลายมาเป็นข้อพิพาทด้านการเมืองในสหรัฐ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน
ของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านมาตรการดังกล่าว โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน
เม.ย. พุ่งขึ้น 15.3 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 1,335.2 ดอลลาร์/ออนซ์

-สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเป็นเงินกว่า 2.8 พันล้านยูโร หรือ 3.5 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศใช้นโยบายเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากต่างชาติ 25%

  • นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านนโยบายการค้าของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่าจะ
เดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับ
เรื่องดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ที่ประกาศว่าจะลาออก หาก
ประธานาธิบดี ทรัมป์ยังเดินหน้าแผนการดังกล่าว และล่าสุดนายแกรี่ โคห์น ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่าย
เศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวแล้ว
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP,
ดุลการค้าเดือนม.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ
ว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และการ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ จะทำให้สหรัฐมีโอกาสดีที่สุดในการผลักดันเศรษฐกิจให้คืบหน้าต่อไป
  • CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ย

สหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะ

ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ