รมว.คลัง เผย กม.สินทรัพย์ดิจิทัลครอบคลุมผู้ออก Crypto-ICO ทั้งรายเก่าและรายใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 14, 2018 16:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า พ.ร.ก.การประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล และ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพื่อจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สินดิจิทัล จะครอบคลุมทั้งการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี) และการระดมทุนด้วยการเสนอขาย Initial Coin Offering ( ICO) จากผู้ประกอบการรายใหม่และรายเก่า โดยในส่วนผู้ประกอบการรายเก่าต้องมาจดแจ้งขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายใน 6 เดือน ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่หากต้องการดำเนินการก็ต้องขอจดแจ้งขึ้นทะเบียนกับ ก.ล.ต. ก่อนที่จะดำเนินการ

"พ.ร.ก. ดังกล่าวจะให้อำนาจ ก.ล.ต. เป็นผู้กำกับดูแลผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีและ ICO ดังนั้นผู้ที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจจึงต้องขอใบอนุญาตจากทาง ก.ล.ต. ก่อน" นายอภิศักดื กล่าว

พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับจะทำควบคู่กันไป โดยในส่วนของการเก็บภาษีจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หากมีกำไรหรือเงินปันผลจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายทันที 15% โดยตัวแทนหรือคนกลางจะเป็นผู้หักไว้ และในตอนปลายปีต้องนำรายได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวไปคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีปลายปี และนำภาษีที่เสียไว้ 15% ไปเครดิตหักภาษีได้

นอกจากนี้ กฎหมายยังให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากผู้ประกอบการคริปโตเคอเรนซี และ ICO แต่จะยกเว้นให้กับนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา

อย่างไรก็ดี ในส่วนของประกาศของ ธปท.ที่ขอความร่วมมือไม่ให้ธนาคารพาณิชย์สนับสนุนธุรกรรมคริปโตเคอเรนซี ก็ไม่จำเป็นต้องยกเลิก เพราะเท่าที่ได้พบกับผู้บริหารสถาบันการเงินต่างประเทศขนาดใหญ่หลายแห่งได้สอบถามความเห็นเรื่องคริบโตเคอเรนซี ซึ่งทุกแห่งยืนยันว่าไม่ให้ทำและไม่สนับสนุน โดยระบุชัดเจนว่าไม่ส่งเสริมให้ลูกค้าเล่นการพนัน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายในเดือน มี.ค.นี้ กฎหมายที่จะใช้ควบคุมการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี และการระดมทุนผ่าน ICO จะแล้วเสร็จ โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปิดกั้นการลงทุน แต่เป็นการควบคุมให้อยู่ในกรอบ ซึ่งไม่ได้เปิดเสรี โดยกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก.ล.ต. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) จะดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบกับความมั่นคง

ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศชัดเจนว่าไม่รับทำธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับคริปโตเคอเรนซีหรือ ICO โดยหากธนาคารสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของการเปิดบัญชีธนาคารว่าเป็นการทำธุรกรรมตามปกติก็ไม่มีปัญหา แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้เป็นการทำธุรกรรมปกติ หรือเป็นการทำธุรกรรมที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องมีการปิดบัญชี ซึ่งที่ผ่านมากรุงไทยได้มีการปิดบัญชีที่ไม่ถูกต้องไปบ้างแล้ว แต่มีไม่มาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ