ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.13/15 แนวโน้มแข็งค่าต่อ นลท.ยังกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 26, 2018 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 31.13/15 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.18 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยเงินบาทระดับปิดตลาดถือเป็น low ต่ำสุดของวันนี้ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนยัง กังวลกับกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้แนวโน้มเงินบาทยังมีโอกาสจะแข็งค่าได้ต่อ ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่ยัง ติดตาม คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ซึ่งตลาดยังเชื่อว่า กนง.จะคงดอกเบี้ย ไว้ที่ระดับเดิมคือ 1.50%

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.05-31.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.09/12 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.93 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2403/2406 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2371 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,801.10 จุด เพิ่มขึ้น 6.89 จุด (+0.38%) มูลค่าการซื้อขาย 41,778 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,198.16 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดเงินบาทในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.10-31.30 ต่อดอลลาร์ โดยมองว่า
การเปิดฉากสงครามการค้าของสหรัฐฯ ยังเป็นประเด็นที่จะสร้างความผันผวนให้กับตลาด รวมถึงต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงว่าจีนที่เป็นเจ้า
หนี้รายใหญ่ของสหรัฐ และถือครองพันธบัตรสหรัฐสูงถึง 1.18 ล้านล้านดอลลาร์ อาจโต้กลับด้วยการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ นอก
จากนี้สงครามการค้าดังกล่าว อาจมีผลกระทบทางอ้อมมาถึงไทยได้ แม้สหรัฐฯ จะมีเป้าหมายหลักที่จีน แต่การค้าโลกได้เชื่อมโยงผ่าน
ห่วงโซ่การผลิตซึ่งอาจส่งผลให้หลายประเทศได้รับผลกระทบในทางอ้อม
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ใน
การประชุมวันที่ 28 มีนาคม แม้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของเฟดทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ สูงกว่าไทยเป็นครั้งแรกใน
รอบ 13 ปี แต่เราเชื่อว่ากนง.ต้องการรักษานโยบายการเงินที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ามกลางเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ
ส่วนแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เรามองเช่นเดิมว่ามีโอกาสที่จะปรับขึ้น 1 ครั้ง
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนก.
พ.2561 จากเอกสารรายการย่อแสดงสินทรัพย์และหนี้สิน (ธ.พ.1.1) โดยพบว่าภาพรวมสินเชื่อสุทธิเดือน ก.พ. 2561 ปรับตัวเพิ่ม
ขึ้นจากเดือนก่อน 6.7 หมื่นล้านบาท เป็น 11.05 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.61% MoM และ 4.36% YoY แต่ยังชะลอตัวจากสิ้นปี
ก่อนเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มสินเชื่อในไตรมาส 1/2561 คาดว่าจะกลับฟื้นตัวเป็นบวกได้ในสิ้นไตรมาสแรก แม้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ จะยังลดลงจากสิ้นปีก่อน แต่จากแรงหนุนของความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการ ผลิตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยน่าจะเริ่มกลับมาขยายตัวดีขึ้น

  • บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยยอดขายตลาดรถยนต์เดือน ก.พ.61 มีปริมาณการขาย
75,466 คัน เพิ่มขึ้น 10.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และคาดว่าในเดือน มี.ค.ตลาดรถยนต์ยังคงเติบโต แม้ว่า
ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและราคาพืชผลทางการเกษตรที่ส่วนใหญ่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ อาจส่งผลกระทบต่อ
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่บ้าง แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มากนัก
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อ
ระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก เทคโนโลยีสามารถทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือพลิกโฉมได้อย่างฉับพลัน ซึ่งในประเทศ
ไทยเอง รัฐบาลมีนโยบาย Thailand 4.0 ที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
ซึ่งประเทศที่มีศักยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เข้มแข็งจะมีความได้เปรียบในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถ
สร้างและ capture value ได้ดี รวมทั้งการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวด้วย
  • กระทรวงการค้าของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ทางการเกาหลีใต้เห็นชอบที่จะเปิดตลาดรถยนต์ให้กับสหรัฐในอนาคต เพื่อ
ตอบแทนที่รัฐบาลสหรัฐยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมให้กับเกาหลีใต้ในการเจรจาเพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อตกลงการ
ค้าเสรี (FTA) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า "KORUS" ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้ที่ได้มีการเจรจามาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) คนใหม่ เปิดเผยว่า จีนจะผ่อนปรนการเข้าถึงภาคการเงินจีนให้มากขึ้น ควบคู่ไป
กับการปฏิรูปสกุลเงิน จีนจะออกมาตรการผ่อนคลายใหม่ๆเพื่อผ่อนปรนช่องทางการเข้าถึงตลาดในอนาคต
  • กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า กระทรวงเตรียมสืบสวนมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดฟีนอลที่นำเข้าจากสหรัฐ เกาหลี
ใต้ และญี่ปุ่น รวมถึงฟีนอลที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และไทย ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรง
ขึ้นเรื่อยๆ
  • นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการค้าของสหรัฐเปิดเผยว่า มาตรการในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของ

รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะช่วยบรรเทาปัญหาในระยะสั้นเท่านั้น แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ