นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ในฐานะผู้ประสานงานหลักคณะทำงานสาขาการอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและการลงทุน ภายใต้ยุทธศาสตร์ ACMECS เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานฯ โดยมีนายวันชัย วราวิทย์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธาน เพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการร่วม (Common Projects) 9 โครงการ และโครงการทวิภาคี (Bilateral Projects) ระหว่างประเทศสมาชิกทั้ง 48 โครงการ เพื่อนำผลไปรายงานในการประชุม ACMECS Summit ครั้งที่ 8 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย.61
สำหรับการประชุม WGTIF ครั้งนี้จะมีการหารือถึงแนวทางการดำเนินงานของคณะทำงานฯ ภายใต้แผนแม่บท ACMECS (ACMECS Master Plan 2019-2023) ในด้านการค้า การลงทุน และอุตสาหกรรม (Trade, Investment and Industry) เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานของการพัฒนาด้านต่างๆ ของประเทศสมาชิกภายใต้กรอบ ACMECS และนำไปสู่การเติบโตของภูมิภาคได้อย่างเข้มแข็งภายใต้การพัฒนาในด้านเศรษฐกิจร่วมกันอย่างยั่งยืน
ACMECS:Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy หรือยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมเป็น 5 ประเทศ หรือ CLMVT เพื่อใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งและความหลากหลายของประเทศสมาชิกให้เกิดการเชื่อมโยงและพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้สาขาความร่วมมือต่างๆ เช่น การอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านการเกษตร การเชื่อมโยงการคมนาคม เป็นต้น สำหรับสาขาการอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและการลงทุนมีคณะทำงานคือ Working Group on Trade and Investment Facilitation: WGTIF ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานหลัก โดยคณะทำงานนี้ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศสมาชิก ACMECS เพื่อพิจารณาส่งเสริมให้เกิดการขยายการค้า/การลงทุน ภายใต้โครงการ/กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การจัดงานแสดงสินค้า การจับคู่ธุรกิจ การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนการค้า/การลงทุน การพัฒนาศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว การส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่น เป็นต้น
โดยความร่วมมือของกลุ่ม ACMECS ได้ก้าวสู่ปีที่ 13 ซึ่งจะปรับโฉม ACMECS โดยอาศัยจุดแข็งแกร่งของภูมิภาค อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดดของสมาชิก ในขณะที่ชนชั้นกลางของภูมิภาคมีศักยภาพการบริโภคและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นแหล่งลงทุนที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก ทำให้ ACMECS ก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตและตลาดผู้บริโภคกว่า 240 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของอาเซียนที่เชื่อมโยงบนแผ่นดินเดียวกัน โดยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การค้าของไทยกับกลุ่มสมาชิก ACMECS ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ จาก 11,360.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2550 เป็น 35,754.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2560 ซึ่งเติบโตถึง 3 เท่า หรือขยายตัวกว่าร้อยละ 215 กรมการค้าต่างประเทศจึงเห็นถึงความสำคัญของการค้าภายใต้ ACMECS โดยจะมุ่งส่งเสริมอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและการลงทุน ให้ไทยสามารถก้าวเป็นผู้ลงทุนอันดับต้นๆ ในกลุ่มประเทศสมาชิก ACMECS มาอย่างต่อเนื่องกว่าทศวรรษ ในขณะที่ไทยจะช่วยส่งเสริม/พัฒนาให้ประเทศสมาชิกอื่นของ ACMECS สามารถเติบโตไปด้วยกัน