ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.54 อ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้าตามภูมิภาค นลท.หันไปถือครองดอลลาร์หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐยังพุ่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 25, 2018 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 31.54 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าต่อ เนื่องจากตามภูมิภาคจากเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 31.47 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่เพื่อไปถือ ครองดอลลาร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 3.01% ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.45- 31.57 บาท/ดอลลาร์

"บาทอ่อนค่าต่อเนื่องตามภูมิภาค หลังนักลงทุนเทขายสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่เพื่อไปถือครองดอลลาร์แทน" นักบริหาร
เงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดวันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.60 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 109.07 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.92 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.2204 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2221 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,779.52 จุด ลดลง 8.68 จุด, -0.49% มูลค่าการซื้อขาย 65,018.58 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,303.35 ล้านบาท(SET+MAI)
  • กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารยังไม่มีแผนการ
ควบรวมกิจการกับธนาคารพาณิชย์แห่งอื่น โดย SCB มองว่าความแข็งแกร่งของสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีการขยาย
งานในส่วนต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมศักยภาพให้กับธนาคาร และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
  • กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า นโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์มีการ
ควบรวมกิจการนั้นเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งและเป็นประโยชน์กับธนาคารพาณิชย์ที่จะต้องออกไปแข่งขันกันในภูมิภาคนี้ แต่สำหรับ
BBL ปัจจุบันก็มีสาขาอยู่ในหลายประเทศในภูมืภาคเอเชีย และมีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว จึงไม่มีแผนจะควบรวมกับ
ธนาคารอื่นๆ
  • กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ธนาคารยังไม่มีแนวคิดที่จะควบรวมกิจการกับธนาคาร
พาณิชย์อื่น หลังจากมีกระแสข่าวการควบรวมระหว่าง KTB และธนาคารทหารไทย (TMB) โดยขณะนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่และคณะกรรมการ
บริษัทยังไม่มีนโยบายหรือกล่าวถึงเรื่องนี้
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมี.ค.61
อยู่ที่ 90.7 จาก 89.9 ในเดือนก.พ. เป็นผลจากผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าเพื่อชดเชยในช่วงเดือนเมษายนที่มีวันทำงานน้อยกว่า
ปกติเนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สะท้อนจากดัชนีฯ ปริมาณการผลิต และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับตัว
เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ประกอบกับมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับ
อากาศ อาหาร รองเท้า และการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อยอดคำสั่งซื้อและยอดขายในประเทศ ขณะเดียวกันคำสั่งซื้อ
จากต่างประเทศยังขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน มี.ค.61 ส่งออก
ได้ 110,946 คัน เพิ่มขึ้น 4.7% การส่งออกเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งเพิ่มขึ้นในเกือบทุกตลาด มั่นใจมูลค่าส่งออกรวมของ
กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้จะถึง 1 ล้านล้านบาท
  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปิดบวกวันนี้ หลังจากที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นในอัตราสูงกว่า 3%
เมื่อคืนนี้ และนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
  • นักลงทุนทั่วโลกต่างมีความวิตกต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่แตะระดับ 3% ซึ่งระดับดังกล่าวได้เคยส่งผล
ให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น, พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ในเดือนก.พ.
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้า

ของสหรัฐ (USTR) เตรียมเดินทางไปประเทศจีนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อหารือในประเด็นด้านการค้ากับรัฐบาลจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ