JBIC พร้อมหนุนโครงการระบบรางของไทยใน EEC มั่นใจได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งไทย-ญี่ปุ่น-จีน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 3, 2018 12:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายทะดะชิ มะเอะดะ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า กรรมการผู้อำนวยการ JBIC รายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าในการผลักดันโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น โครงการระบบรางต่างๆ โดยเน้น triple win คือ ได้รับประโยชน์ร่วมกัน ทั้งไทย ญี่ปุ่น และจีน โดยจะเป็นโครงการแรกที่ญี่ปุ่นและจีนจะทำงานร่วมกัน และการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่ทราบว่าญี่ปุ่นและจีน มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่ 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเป็นโครงการแรก ซึ่งจะส่งผลดีต่อความร่วมมือในภูมิภาค

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ขอบคุณที่ JBIC จะช่วยทำการศึกษา Smart City ใน EEC ด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา EEC ในภาพรวม และขอให้ JBIC หารือกับกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการ EEC อย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้ทั้ง 2 โครงการมีความคืบหน้า โดยไทยยินดีสนับสนุนภาคเอกชนญี่ปุ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ของ EEC เพิ่มเติม

ด้านกรรมการผู้อำนวยการ JBIC กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะส่งผู้แทนระดับสูงมาเข้าร่วมในการประชุมสุดยอด ACMECS ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 15-16 มิถุนายน 2561 ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังว่าญี่ปุ่นจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนากลุ่มประเทศ CLMVT (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม, ไทย) ในสาขาต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยในการประชุมดังกล่าวจะมีการประกาศแผนแม่บท ACMECS ซึ่งประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ 1. การเสริมสร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค 2. การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการระดมทุนเพื่อจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ACMECS และ 3. การพัฒนาภูมิภาคในลักษณะยั่งยืนและมีนวัตกรรม

นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำให้ JBIC แบ่งปันประสบการณ์และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้รับในโครงการต่าง ๆ ที่ JBIC มาร่วมลงทุน เนื่องจากปัจจุบันการประชาสัมพันธ์และการรับรู้ของภาคประชาชนมีความสำคัญต่อความสำเร็จในทุกโครงการและการพัฒนาพื้นที่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณที่ JBIC ที่ช่วยประสานงานการประชุม High Level Joint Commission (HLJC) ครั้งที่ 4 ในเดือนกรกฎาคมอีกทางหนึ่ง ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วม โดยไทยมีความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับข้อตกลงความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก (CPTPP) โดยขอให้ญี่ปุ่นช่วยศึกษาผลกระทบที่อาจมีต่อประเทศไทย โดยเฉพาะภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมยา ตลอดจนช่วยติดตามความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และการลงทุนในระบบขนส่งทางรางเส้นทางอื่นๆ ในกรุงเทพมหานครด้วย

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร JBIC เข้าพบว่า ทาง JBIC มารายงานความคืบหน้าการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่าง จีน ญี่ปุ่น และไทยในโครงการต่างๆ ซึ่งพร้อมให้สนับสนุนด้านการเงินในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง และอู่ตะเภา) และก่อนที่จะมาพบกับตนได้มีการหารือกับทางการจีน ญี่ปุ่น และกลุ่มที่ความเชี่ยวชาญทางรถไฟจากยุโรป ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่การมาพูดคุยในวันนี้ JBIC ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะร่วมมือกับภาคเอกชนไทยรายใด แต่พร้อมให้ความช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและจะครอบคลุมเรื่องความเสี่ยงด้วย ส่วนรายละเอียดร่างทีโออาร์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินต้องรอการประกาศใช้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกก่อน

นายสมคิด กล่าวว่า ได้แนะนำให้ JBIC ประสานกับทางการญี่ปุ่น เพื่อเข้ามาสนับสนุนการประชุมสุดยอด ACMECS ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 15-16 มิถุนายน 2561 เนื่องจากทาง JBIC ถือเป็นคนริเริ่มเส้นทางอินโดแปซิฟิค ที่เป็นการเชื่อมโยงความมือจากเวียดนามไปยังอินเดีย และหากมีการพัฒนาความร่วมมือในกลุ่มประเทศ CLMVT ผ่านการประชุมประชุมสุดยอด ACMECS จะยิ่งเป็นการส่งเสริมอินโดแปซิฟิคด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ