ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.09 แนวโน้มอ่อนค่า หลังนลท.กลับไปถือครองดอลลาร์ คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.00-32.25

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 9, 2018 17:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.09 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.93 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งการอ่อนค่าดังกล่าวเป็นผลมาจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ขึ้น หลังจากนักลงทุนหันไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น จากที่เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเป็นไปได้มากที่จะเร่ง ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มปรับสูงขึ้นแล้ว

ประกอบกับ ล่าสุดจากที่สหรัฐจะถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยจะกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอีก ครั้ง ทำให้เกิดความกังวลว่าราคาน้ำมันมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก

"พอมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะแพง ตรงนี้มีผลโดยตรงต่อเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะเริ่มสูงขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้นักลง ทุนก็คาดว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งทำให้คนหันกลับมาถือครองดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ดอลลาร์จึงแข็งค่าขึ้น ในช่วงนี้" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.00-32.25 บาท/ดอลลาร์ ต้อง ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย.ของสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.73 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 109.56 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1852 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1851 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,756.90 จุด ลดลง 3.35 จุด (-0.19%) มูลค่าการซื้อขาย 59,514 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,829.33 ลบ.(SET+MAI)
  • เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปี 61 มีโครงการยื่นขอรับการ
ส่งเสริมการลงทุนจำนวน 366 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27% ขณะที่มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ราว 205,140 ล้าน
บาท เพิ่มขึ้นกว่า 200% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีวงเงินลงทุน 59,110 ล้านบาท โดยปีนี้บีโอไอตั้งเป้าวงเงินลงทุนไว้ที่ 7.2
แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6.4 แสนล้านบาทในปี 60
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจในเอเชียปีนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ยังคงมี
ความเสี่ยงจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงิน รวมทั้งการที่ตลาดเข้าสู่ระยะพักฐาน และนโยบาย
กีดกันทางการค้า โดย IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในเอเชียปีนี้จะขยายตัว 5.6% และเท่ากับปี 62 โดยในระยะสั้นคาดการณ์ว่า
เศรษฐกิจและการค้าทั่วโลกจะ "ขยายตัวแข็งแกร่ง" อันเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐ
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารผ่านทางการดำเนินการทางตลาด (OMO) ในวันนี้ 6
หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 9.4 พันล้านดอลลาร์) ผ่านทางข้อตกลงการขายพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ประเภท
อายุ 7 วัน และอีก 4 หมื่นล้านหยวน ผ่าน reverse repo อายุ 14 วัน โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่อง
  • ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ภายหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศ
ถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง โดยดัชนี Stoxx Europe 600 เปิด
บวก 0.1% แตะ 390.45 จุด
  • กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น รายงานว่า ค่าจ้างที่แท้จริงของญี่ปุ่นในเดือนมี.ค. ได้ปรับตัว
ขึ้น 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี นับเป็นสถิติที่ปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน และสะท้อนให้เห็นว่าเงินเดือนพื้นฐานอยู่ในช่วงขาขึ้น
ทั้งนี้ การจ่ายโบนัสอันเนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจก็มีส่วนช่วยหนุนให้ค่าจ้างปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., สต็อก
สินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำ
เข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ