ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.05/07 แกว่งแคบ ตลาดจับตาผลหารือผู้นำสหรัฐ-เกาหลีเหนือ คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.00-32.10

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 11, 2018 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.05/07 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า เล็กน้อยจากช่วงเช้าที่ระดับ 32.00 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีทิศทางอ่อนค่าเล็กน้อยสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค เนื่องจาก ตลาดต่างจับตาผลการหารือระหว่าง 2 ผู้นำคนสำคัญ คือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีเกาหลีเหนือว่าจะสามารถมีข้อ ตกลงเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีได้หรือไม่ ส่วนปัจจัยเรื่องการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลาดเชื่อว่า รอบนี้ที่ประชุมจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน

"วันนี้บาทแกว่งแคบๆ ตลาดรอดูผลการประชุมของ 2 ผู้นำคนสำคัญว่าจะตกลงกันได้ไหม ส่วนเรื่องเฟดนั้น ตลาดเชื่อว่า จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้แน่นอน ซึ่งหากผลออกมาว่าขึ้นจริง ก็ไม่ได้เซอร์ไพร์สตลาดแต่อย่างใด เพราะตลาด absorb ไปมาก แล้ว" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบายังมีโอกาสผันผวน แต่อาจจะอ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 32.00-32.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.02 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 109.44 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1792 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1809 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,723.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.07 จุด (+0.06%) มูลค่าการซื้อขาย 37,948 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,655.20 ลบ. (SET+MAI)
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-
32.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 32.06 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนจับตาหลายเหตุการณ์สำคัญ
ได้แก่ การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือในวันที่ 12 มิถุนายน, การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), การ
ประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ เงิน
เฟ้อ และยอดค้าปลีก
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในการประชุมวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่ปรับเข้าใกล้เป้าหมาย
ของเฟดมากขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่เป็นกลางเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาวและป้องกันการ
เกิดภาวะฟองสบู่ โดยในส่วนของการดำเนินนโยบายการเงินของไทยนั้น แม้เฟดและประเทศในอาเซียนจะปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่เชื่อว่า
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% เพื่อสนับสนุนความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของ
เศรษฐกิจไทยต่อไป
  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ 2561 (ต.
ค.60 - พ.ค.61) สคร.สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน จำนวน 125,931 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการจัดเก็บรายได้
แผ่นดินสะสม จำนวน 25,629 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของเป้าหมายรายได้แผ่นดินสะสม (100,302 ล้านบาท) โดยเฉพาะใน
เดือนพ.ค.61 สคร.จัดเก็บรายได้แผ่นดินจำนวน 12,692 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการช่วยรักษาเสถียรภาพการคลังของ
ประเทศ
  • รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ มีความพร้อมเป็นอย่างดี
สำหรับการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่จะเปิดฉากขึ้นในวันพรุ่งนี้
  • นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.75-
2.00% ในการประชุมวันที่ 12-13 มิถุนายน โดยตลาดจะมุ่งความสนใจไปที่การประเมินภาวะเศรษฐกิจการเงินของเฟด รวมถึง
สัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง
  • ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดว่า

ECB จะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งมีกำหนด

สิ้นสุดในเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ