กบง.รับทราบแผน กฟผ.ทำโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำในเขื่อน-อ่างเก็บน้ำ นำร่องแห่งแรกจับมือ SCC

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 12, 2018 15:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมารับทราบตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอแนวทางดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำขนาดใหญ่ แบ่งเป็น 3 ระยะ

โดยระยะแรก สนับสนุนความร่วมมือ (EGAT-SCG Collaboration Project) ระหว่าง กฟผ. กับบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัดในกลุ่มบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือเอสซีจี เพื่อเป็นการพัฒนาระบบทุ่นลอยน้ำและระบบยึดโยงโดยวิศวกรไทย ใช้เป็นต้นแบบของการผสมผสานการผลิตไฟฟ้าระหว่างเซลล์แสงอาทิตย์ร่วมกับไฟฟ้าจากเขื่อน มีกำลังผลิต 500 กิโลวัตต์ (kW) ติดตั้งในพื้นที่เขื่อนท่าทุ่งนา จ. กาญจนบุรี โดยมีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จเดือนธ.ค.61

ระยะที่สอง เป็นการต่อยอดโดยการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ (Economic Scale Pilot Solar Floating Project) เพื่อต่อยอดผลการวิจัยและพัฒนา โดยใช้ระบบเชื่อมต่อที่มีอยู่เดิมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากโครงการผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี มีกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ (MW) ใช้พื้นที่ 450 ไร่ จะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ยประมาณ 89.53 ล้านหน่วย/ปี

ระยะที่สาม กำหนดศักยภาพพื้นที่ติดตั้งใน 11 เขื่อนทั่วประเทศ ด้วยศักยภาพการผลิตรวมกว่า 1,000 MW (Potential Commercial Project) เพื่อกำหนดศักยภาพพื้นที่ติดตั้งทั่วประเทศ เช่น เขื่อน กฟผ.เขื่อนกรมชลประทาน และอ่างเก็บน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ เพื่อให้โครงการสามารถแข่งขัน ภายใต้รูปแบบ Hybrid Firm และขยายผลการพัฒนาโครงการสู่ภาคเอกชน โดยเขื่อนของ กฟผ. ที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค กว่า 11 เขื่อน มีศักยภาพผลิตรวมกว่า 1,000 MW จะเป็นการใช้พื้นที่ผิวน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่เป็นการแย่งพื้นที่เกษตรกรรม อีกทั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงจากการอยู่ใกล้ผิวน้ำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ