นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.30 บาท/ดอลลาร์ จากเย็น วานนี้ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 32.12/14 บาท/ดอลลาร์
"เช้านี้บาทอ่อนค่ามากขึ้นไปทำ High 32.36 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ 4 ม.ค.61 เป็นผลมาจากผลประชุม ECB ที่ออกมาส่งสัญญาณเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ยูโรร่วงแรง สกุลอื่นก็อ่อนค่าตามยูโรรวมทั้งค่าเงินบาท" นักบริหารเงิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าวันนี้ตลาดน่าจะยังมีปฏิกิริยาต่อเนื่องจากประเด็นนี้ โดยตลาดรอติดตามผลประชุมธนาคารกลาง ญี่ปุ่น (BOJ) เป็นปัจจัยสำคัญต่อไป
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.40 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (14 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.06148% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.17585%
SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.3317 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.55 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 109.96 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1564 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1826 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.1570 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็น 1.75-2.00% จาก 1.50-1.75%
นั้น เป็นไปตามคาด และคาดว่ายังจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้คือ ช่วงเดือนกันยายน 1 ครั้ง และเดือนธันวาคมอีก 1 ครั้ง ส่งผลให้ปี
นี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ครั้ง มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่า 3 ครั้งในปีนี้ ผลจากกรณีดังกล่าวในระยะสั้นช่วง 2-4 สัปดาห์นี้ อาจจะ
ทำให้มีเงินทุนไหลออกจนทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ระดับ 32.40 -32.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แต่แนวโน้มในระยะยาวยัง
เชื่อว่าเงินบาทจะแข็งค่าคาดการณ์ ณ สิ้นปีที่ระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังเกินดุลในระดับสูง และ
อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบล่าง 1%
- ทีดีอาร์ไอมองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังสดใส ส่งออกยังเป็นตัวขับเคลื่อน มองจีดีพีแตะ 4.5% ขณะที่กสิกรจับตาสงคราม
การค้า "สนธิรัตน์" โชว์ผลงาน 6 เดือน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ดันราคาสินค้าเกษตรทำนิวไฮหลายตัว
- ตลาดหุ้นเอเชียร่วงยกแผงหลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย นักวิเคราะห์ลุ้นต่อการประชุมอีซีบี-บีโอเจ มั่นใจเงินทุนไหล
ออกไม่กระทบไทยมากนัก เหตุไทยเกินดุลสะพัดแถมทุนสำรองระหว่างประเทศสูง
- ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ประจำประเทศไทย มาเลเซีย และความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก
เปิดเผยว่า เวิลด์แบงก์อาจปรับขึ้น คาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจไทยจากปัจจุบัน 4.1% สำหรับปี 2561 โดยแนวโน้มการเติบโตที่มี
เสถียรภาพและสัญญาณว่าภาคเอกชนไทยกำลังกลับมาลงทุนในประเทศอีกครั้ง เป็นหนึ่งในปัจจัยบวกสำหรับเศรษฐกิจไทย
- 'วิษณุ' ชง 4 ปัญหาเสนอ 'บิ๊กตู่' คลายล็อกคำสั่ง คสช.53/60 หาทางออกแบ่งเขต-ไพรมารีโหวต-ให้พรรคทำ
กิจกรรม 3 พรรคโชว์ไอเดียพ้นกับดัก แก้รัฐธรรมนูญ-ยกเลิกคำสั่ง คสช.
- ที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่ง
เป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตรา
ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนของปีหน้า
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ สู่ระดับ
2.1% จากเดิมที่ระดับ 2.4%
นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของยูโรโซนในปีนี้ สู่ระดับ 1.7% จากเดิมที่ระดับ 1.4% โดย ระบุถึงราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้อนุมัติมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 5 หมื่นล้าน
ดอลลาร์ โดยคณะทำงานของปธน.ทรัมป์เตรียมเปิดเผยรายชื่อสินค้าจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวันนี้
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน
พ.ย.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยาน
ขึ้นของยอดขายรถยนต์ และสินค้าอื่นๆ รวมทั้งยอดขายน้ำมันเบนซินตามการดีดตัวของราคาน้ำมัน
- สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 มิ.
ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศแผนยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในสิ้นปีนี้
พร้อมส่งสัญญาณว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนถึงช่วงฤดูร้อนของปีหน้า ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงิน
หลักๆ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค.
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและ
จีนได้ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจาก
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากที่ประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการ
ประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
- วันนี้ สหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจการผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ค. และดัชนี
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
- จับตาธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยวันนี้เวลา 10.00 น. ตามเวลาไทย โดย
คาดกันว่า ธนาคารจะยังคงนโยบายกระตุ้นการเงินเชิงรุก ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2%