นายเอียน แพสโค ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วนของแกรนท์ ธอนตัน ในประเทศไทย กล่าวว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจในประเทศไทยในรายงานผลสำรวจธุรกิจนานาชาติของแกรนท์ ธอนตัน (Grant Thorn’s International Business Report-IBR) ไตรมาส 1/61 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 16% จากไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 10% โดยจากแบบสอบถามกว่า 1 หมื่นฉบับแสดงผลตอบรับเชิงบวกมากกว่าลบ แต่แนวโน้มโดยรวมยังมีข้อมูลเชิงบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยอยู่ในระดับที่ไม่ได้สูงมากนัก หรือประมาณ 3.9-4% เมื่อเปรียบเทียบกับฟิลิปปินส์และมาเลเซียที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับสูงกว่ามาก
ประกอบกับ ภายในประเทศยังมีความไม่แน่นอนในด้านการเมือง ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามมองว่าประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 62 จะช่วยสร้างความมั่นใจและดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักธุรกิจกลับมาได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตได้มากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้การผลักดันนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ผ่านโครงการประเทศไทย 4.0 ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ เช่น การจัดเก็บภาษีภาคธุรกิจให้อยู่ในระดับเดียวกับทั่วโลก เผื่อให้เอื้อต่อการลงทุน หรือการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมเข้ามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
"อุปสรรคของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดสำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่แล้วเป็นปัจจัยภายใน...ดัชนีความเชื่อมั่นของไทยแม้จะปรับตัวขึ้นแต่ยังตามหลังอยู่มาก เนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนบางส่วนกลัว ยิ่งการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นส่งผลดีเท่าไหร่ เราก็น่าจะยิ่งเห็นธุรกิจต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาด้วยความกล้าเดิมพันสู่ความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น" นายเอียน กล่าว
อนึ่ง ผลสำรวจของ IBR ระบุว่าความเชื่อมั่นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจทั่วอาเซียนสูงขึ้นถึง 61% ในไตรมาสแรก เทียบเท่าดัชนีไตรมาสสูงสุดที่เคยสำรวจไว้เป็นประวัติการณ์ โดยตั้งแต่ไตรมาส 4/60 เป็นต้นมา ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยในมาเลเซียเพิ่มขึ้นมาที่ 28% สิงคโปร์เพิ่มขึ้นมา 34% และไทยเพิ่มขึ้นเป็น 16% ผลสำรวจเหล่านี้สอดคล้องกับแนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโลกที่ทะยานขึ้นไปถึง 61% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 15 ปีของการสำรวจที่ผ่านมา
นายเอียน ยังเปิดเผยถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไตรมาสแรกของปีนี้ปรับตัวลดลงจากช่วงต้นปี 61 ตามรายงานของ IBR โดยประเทศที่ดึงความเชื่อมั่นลงมา คือ ประเทศจีนและญี่ปุ่น ทำให้ค่าเฉลี่ยสุทธิของภูมิภาคลดลงมาที่ 52%
ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของจีนไตรมาส 1/61 ลดลงมาอยู่ที่ 65% จากไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 78% และประเทศญี่ปุ่น ลดลงมาอยู่ที่ติดลบ 8% จาก 3% ซึ่งมีปัจจัยมาจากการย้ายภาคการผลิตต้นทุนต่ำจากประเทศจีนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งประเทศไทย มีระดับความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจที่สูงขึ้น
โดยจากผลสำรวจ IBR ระบุว่าความเชื่อมั่นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจอาเซียนสูงขึ้น 61% ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ที่เคยสำรวจมา สอดคล้องกับแนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น 61% เช่นกัน