นายกฯ พบภาคเอกชนชั้นนำสหราชอาณาจักร ยันสนใจลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่องโดยเฉพาะใน EEC

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 22, 2018 10:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ให้กับผู้บริหารภาคเอกชนชั้นนำของสหราชอาณาจักร ได้แก่ บริษัท Arup บริษัท HSBC และบริษัท Prudential ในระหว่างการเดินทางสหราชอาณาจักร ณ โรงแรม Royal Lancaster กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติอย่างเท่าเทียม โปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน และเร่งขับเคลื่อนการลงทุนให้เกิดผลรูปธรรม รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเสมอภาคและขอให้มั่นใจว่าการลงทุนจะเกิดความต่อเนื่อง เพราะมีแผนยุทธศาสตร์ชาติรองรับ

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนะทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในอนาคตอันใกล้ โดยมีโครงการการลงทุนสำคัญทั้งด้าน โครงสร้างพื้นฐาน น้ำ บก อากาศ อุตสาหกรรมเป้าหมายทางด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงขอให้บริษัทเอกชนสหราชอาณาจักรได้เร่งตัดสินใจแผนการลงทุนในพื้นที่ EEC เพื่อเดินหน้าโครงการให้บรรลุเป้าหมายต่อไป

สำหรับบริษัทที่แสดงความสนใจ ได้แก่ บริษัท ARUP ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้ามาลงทุนในไทยเกือบ 20 ปี โดยเฉพาะการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ผู้บริหารฯ ได้แสดงความประสงค์ที่จะลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างใน EEC และเห็นว่ารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายมาถูกทาง และถูกเวลาที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจในทิศทางนี้ โดยบริษัทจะได้ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อเดินหน้าโครงการการลงทุนต่อไป

บริษัท HSBC เป็นบริษัทด้านการเงินและการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยผู้บริหารฯ ได้มีความประสงค์จะร่วมมือ PPP ในโครงการในเขต EEC ด้านการเงิน รวมทั้งโครงการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับด้านเงินทุน และการเงินในประเทศไทยด้วย โดยจะพิจารณาเชื่อมโยงเครือข่ายของบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลก ในการเชื่อมต่อการลงทุน ตามที่ไทยเสนอ

บริษัท Prudential มีความสนใจที่จะพัฒนาภาคธุรกิจประกันภัย การพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยี ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าจะช่วยสนับสนุนการปฏิรูปประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยผู้บริหารบริษัทฯ แจ้งว่าได้ร่วมมือกับกระทรวงการคลังของไทยในโครงการดังกล่าว รวมทั้งสนใจในโครงการด้านการศึกษาด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนา Thailand Business Forum ในหัวข้อ "Transforming Thailand" ณ โรงแรม Landmark กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับมิตรภาพระหว่างไทย และสหราชอาณาจักร ซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และใกล้ชิดทุกระดับ ตั้งแต่ 400 กว่าปีก่อน ปัจจุบัน มิติของความสำคัญด้านการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวก็เป็นไปอย่างใกล้ชิด

ด้านการค้าระหว่างประเทศ สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับที่ 18 ของไทย และเป็นคู่ค้า หลักอันดับที่ 2 จากยุโรป โดยปีที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวม 5,240 ล้านปอนด์ หรือ 225,833 ล้านบาท สหราชอาณาจักรเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 18 ของไทย และไทยนำเข้าสินค้าจากสหราชอาณาเป็นลำดับที่ 21 ของการนำเข้าทั้งหมด

ด้านการลงทุน หลายบริษัทที่เป็นแบรนด์ดังของสหราชอาณาจักรไปลงทุนตั้งฐานการผลิตสำคัญในประเทศไทย ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก โดยใน 10 ปีที่ผ่าน มีการลงทุนจากสหราชอาณาจักรที่ได้รับอนุมัติให้รับการส่งเสริมการลงทุน 216 โครงการ มูลค่ารวม 735 ล้านปอนด์ หรือ 31,650 ล้านบาท ล่าสุดในปี 2017 สหราชอาณาจักรลงทุนในไทยเป็นอันดับ 3 ของการลงทุนจากยุโรป

ด้านการท่องเที่ยว ปีที่ผ่านมา มีคนไทยเดินทางมาเที่ยวสหราชอาณาจักรจำนวน 171,000 คน ขณะที่มีนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรเดินทางไปยังประเทศไทยจำนวนถึง 1,003,000 คน ทั้งนี้คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรีได้ชักชวนให้มีการลงทุนในประเทศไทย โดยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้นมาโดยตลอด ในไตรมาสแรกของปี 2018 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 4.8 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยรัฐบาลยืนยันที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งสำคัญที่สุดปรับปรุงเส้นทางคมนาคม และการขนส่ง รถไฟความเร็วสูง ทางด่วน และระบบขนส่งสาธารณะแบบราง รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่มีความจำเป็นต่อการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจน รัฐบาลได้ดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้ รัฐบาลไทยดำเนินนโยบายบนพื้นฐานของนโยบายเศรษฐกิจเสรี เปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ และการมีส่วนร่วมของนานาชาติ นายกรัฐมนตรีจึงขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนให้นักธุรกิจเชื่อมั่น และพิจารณาประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อประโยชน์ในธุรกิจการค้า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักรให้มากยิ่งขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ