ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.13 แข็งค่าจากช่วงเช้าเล็กน้อย มองกรอบพรุ่งนี้ 33.10-33.20

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 4, 2018 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.13 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็ก น้อยจากเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 33.14 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวใน กรอบ 33.08-33.14 บาท/ดอลลาร์

"บาทแข็งค่าจากช่วงเช้าเล็กน้อย โดยยังคงมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไรต่อเนื่อง ประกอบกับเงินหยวนมีทิศทางกลับมา แข็งค่า" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 110.45 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.31 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1637 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1668 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,629.20 จุด เพิ่มขึ้น 2.58 จุด, +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 58,233.48 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,350.68 ล้านบาท (SET+MAI)
  • เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. ได้ออก
ประกาศที่เกี่ยวข้องกับการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลด้วยกระบวนการไอซีโอ และการให้ความเห็นชอบไอซีโอพอร์ทัล ภายใต้พระ
ราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก.) แล้ว โดยจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 16 กรกฎาคม 2561
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงรายงานนโยบายการเงิน ฉบับเดือนมิถุนายน 2561 ว่า ในระยะต่อไป
การทำนโยบายการเงินคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นประเด็นเชิงนโยบายที่ประเทศอื่นกลับสู่ภาวะปกติแล้ว กนง. ต้องประเมินปัจจัย
ทั้งหมดให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะแม้เสถียรภาพภายต่างประเทศจะดี แต่คณะกรรมการฯ ก็ไม่อยากให้ภาคธุรกิจไม่คำนึงถึง
อนาคต ที่ภาวะการเงินในตลาดโลกมีความตึงตัว เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดเงิน แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนต่างๆ
เช่น การออกตราสารหนี้ ก็ตาม
  • รมว.คลัง เปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่าในปีนี้ยังไม่มีเหตุผลที่ไทยจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยการปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยจะดูเพียงสถานการณ์เศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาหลายๆ อย่างประกอบด้วย และในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และหากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่คาด
ไว้ที่ 4.5% ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
  • สถาบันยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแห่งชาติของจีน (NAES) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีแรกนี้มีแนวโน้มว่า จะ
ขยายตัวขึ้น 6.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าระดับการขยายตัวของช่วงไตรมาสแรกเล็กน้อย
  • กรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า อัตราว่างงานในญี่ปุ่นจำเป็นต้องปรับตัวลดลงมากกว่านี้ เพื่อ
ให้เงินเฟ้อที่ซบเซามานานนั้น ปรับตัวสูงขึ้น โดยตนยังคงสนับสนุนมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐ รวมทั้งมาตรการปรับ
ลดภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐนั้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงเกินคาด และอาจก่อให้เกิด
ความผันผวนในตลาดการเงิน
  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆนั้น อาจ
นำไปสู่การกำหนดมาตรการใหม่ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการค้าโลกรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ยังคงดื้อดึงที่จะทำสงครามต่อไป
  • สถาบัน Ifo ของเยอรมนี สถาบัน KOF ของสวิตเซอร์แลนด์ และสถาบัน Istat จากอิตาลี ระบุในรายงานคาด
การณ์เศรษฐกิจที่จัดทำขึ้นร่วมกันว่า เศรษฐกิจในเขตยูโรมีแนวโน้มว่าจะยังคงเติบโตในปีนี้ แต่ในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปี
2560

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ