ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบยูโร หลังยอดขาดดุลการค้าสหรัฐลดลง

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกรงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่ายอดขาดดุลการค้าในช่วงไตรมาส 3 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.4398 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4425 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 2.0213 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0154 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 
          อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 113.02 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 113.42 เยนต่อดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.1503 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.1533 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์
          นายแดน แคทซิฟ นักวิเคราะห์จากเครดิต สวิสกล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าประจำไตรมาส 3 ร่วงลง 5.5% แตะระดับ 1.785 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี
          นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังคงได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปในเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.8% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% และเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา
          นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนี CPI ที่สูงเกินคาดอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่คิดที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนม.ค.ปีหน้า ซึ่งหากเป็นไปตามนั้น ก็จะทำให้ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าน้อยลงและไม่น่าดึงดูดใจ
          ดอลลาร์ได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีที่ระบุว่า ดัชนี CPI ของเยอรมนีในเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางยุโรปยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า