นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.18 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 33.16 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 33.14-33.21 บาท/ดอลลาร์
"ระหว่างวันลงไปทดสอบ 33.14 สักพักเดียวก็มีแรงซื้อดอลลาร์ การเคลื่อนไหวน่าจะเป็น Flow ทั่วๆ ไป ขณะที่ตลาด ยังรอดูรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้" นักบริหารเงินระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15 - 33.25 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.12 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 110.81 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1595 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1605 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,722.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด, +0.05% มูลค่าการซื้อขาย 47,875.60 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 663.10 ลบ.(SET+MAI)
- นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ PPP เห็น
ชอบในหลักการการให้เอกชนร่วมลงทุนของโครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า ของกรมการขนส่งทางบก จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม มูลค่าเงินลงทุน 1,361 ล้านบาท และโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่ง
สินค้าเชียงของ จ.เชียงราย มูลค่าเงินลงทุน 2,829 ล้านบาท
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 มิ.ย.61 มีจำนวน
6,531,509.63 ล้านบาท คิดเป็น 40.67% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งถือว่าลดลงจากเดือนก่อนหน้า (พ.ค.61)
ซึ่งอยู่ที่ 40.78% ของ GDP ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ลดลงเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และมีการชำระหนี้
ของรัฐบาลและหนี้รัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ระงับการดำเนินการทางตลาดเงิน (Open Market Operations - OMO) ต่อ
เนื่องกัน 15 วันทำการ เนื่องจากสภาพคล่องที่เพียงพอในระบบการเงิน
- กระทรวงพาณิชย์ของจีน ยืนยันว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่น
ล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนได้ประกาศเมื่อวาน จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ โดยครอบคลุมสินค้า 333 รายการ ซึ่งรวมถึงรถยนต์
ผลิตภัณฑ์เหล็ก และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ
เพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยดัชนี CPI เดือนก.ค.ขยายตัวรวดเร็วกว่าเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัวเพียง
1.9% ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวขึ้น 4.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็น
รายปี
- รายงานของศูนย์พยากรณ์และข้อมูลเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิด
เผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีแนวโน้มที่จะขยายตัว 6.83% ในปี 2561 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมคาด
การณ์ว่า เศรษฐกิจของเวียดนามจะขยายตัวในอัตรา 6.72% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และ 6.56% ในไตรมาสที่ 4
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย
สัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.