นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะรองประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เห็นชอบให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ปริมาณ 2.45 แสนตัน และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ปริมาณ 2.23 หมื่นตัน ตามแผนการระบายที่คณะกรรมการ นบข.เห็นชอบ ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ออกประกาศ (TOR) เพื่อประมูลข้าว 2 กลุ่มดังกล่าว โดยยังคงสาระสำคัญและเงื่อนไขการประมูลเช่นเดียวกับการเปิดประมูลข้าวที่ผ่านมา ซึ่งหากปรากฏภายหลังว่าผู้เสนอซื้อรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่ประกาศกำหนดจะถือว่าผู้เสนอซื้อรายนั้นขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ต้น และไม่สามารถยื่นเสนอซื้อข้าวในสต็อกของรัฐได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
สำหรับการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2561 มีปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล 2.45 แสนตัน จำนวน 18 คลัง ใน 8 จังหวัด เป็นคลังของ อคส.จำนวน 8 คลัง ปริมาณ 1.20 แสนตัน และเป็นคลังของ อ.ต.ก.จำนวน 10 คลัง ปริมาณ 1.25 แสนตัน ประกอบด้วยข้าว 6 ชนิด ได้แก่ ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 15% ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนปทุมธานี และปลายข้าว A1 เลิศ
สำหรับคุณสมบัติผู้เสนอซื้อต้องเป็นนิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่มิใช่เพื่อการบริโภคของคน ซึ่งจะเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าดูสภาพข้าวในคลังสินค้าวันที่ 20-24 ส.ค.61 โดยกำหนดวันยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ ในวันที่ 27 ส.ค.61 และจะประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นครบถ้วนตาม TOR ในช่วงเช้าของวันที่ 29 ส.ค.ค.61 จากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองเสนอซื้อ
ส่วนการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 2/2561 มีปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล 2.23 หมื่นตัน จำนวน 20 คลัง ใน 13 จังหวัด เป็นคลังของ อคส. จำนวน 13 คลัง ปริมาณ 1.59 หมื่นตัน และเป็นคลังของ อ.ต.ก. จำนวน 7 คลัง ปริมาณ 0.64 หมื่นตัน ประกอบด้วยข้าว 10 ชนิด ได้แก่ ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 15% ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าว A1 เลิศ และปลายข้าว A1 ซึ่งจะเปิดให้ผู้สนใจเข้าดูสภาพข้าวในคลังสินค้าวันที่ 20-24 สิงหาคม 2561 โดยยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ ในวันที่ 27 ส.ค.61 และจะประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นครบถ้วนตาม TOR ในวันที่ 30 ส.ค.61 จากนั้นเปิดให้ยื่นซองเสนอซื้อในวันเดียวกัน
นางมนัสนิตย์ กล่าวว่าหากการประมูลข้าวทั้ง 2 กลุ่มในรอบนี้สามารถระบายได้หมด คาดว่าจะได้เงินจากการขายข้าวประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยคำนวณจากราคาขายข้าวเฉลี่ยกลุ่ม 2 รอบที่ผ่านมาที่สามารถขายได้ 5,500 บาท/ตัน และข้าวกลุ่ม 3 เฉลี่ยขายได้ 3,449 บาท/ตัน เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล เพราะเป็นข้าวสต็อกรัฐบาลล็อตสุดท้ายที่นำมาออกประมูล
สำหรับข้าวสต็อกรัฐบาลที่มีการนำออกประมูลขาย จากรายงานขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตกร (อ.ต.ก.) ณ วันที่ 16 ส.ค. 61 มีการทำสัญญาแล้ว 14.15 ล้านตัน รับมอบข้าวแล้ว 12.14 ล้านตัน ยังไม่มารับมอบ 1.46 ล้านตัน แบ่งเป็น ในส่วนของอคส. 1.15 ล้านตัน และอ.ต.ก. 304,000 ตัน ซึ่งข้าวที่ยังไม่มารับมอบ เพราะติดปัญหาด้านคุณภาพ และผู้ซื้อไม่มาจ่ายเงิน ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้มอบหมายให้อคส.และอ.ต.ก. เร่งรัดผู้ซื้อให้มารับมอบข้าวตามสัญญา
ขณะที่การส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-16 ส.ค. 61 สามารถส่งออกได้แล้ว 7.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.6% มูลค่า 3,577 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 20% คิดเป็นเงินบาท 113,000 ล้านบาท เพิ่ม 11% ราคาเฉลี่ยส่งออกข้าว 503 เหรียญฯตัน เพิ่มขึ้น 17%