SCB EIC ปรับคาดการณ์ GDP ปี 61 เป็นโต 4.5% จากเดิมคาด 4.3% มอง H2 โตต่อเนื่อง แต่ชะลอความร้อนแรงลง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 21, 2018 10:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 61 จะขยายตัวที่ 4.5%YOY (ปรับขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 4.3%YOY) โดยในครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยที่ราว 4.2%YOY ซึ่งยังถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ราว 2.8%YOY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การเติบโตในครึ่งปีหลังจะชะลอลงบ้างจากปัจจัยฐานสูงและการชะลอตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศ

"SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวได้ดีในช่วงครึ่งหลังของปี 61 ไปจนถึงปีหน้า แต่อาจชะลอความร้อนแรงลง" ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุ

ในด้านการส่งออกสินค้า EIC มองว่าในภาพรวมจะยังขยายตัวได้ดีกว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแต่อาจเริ่มชะลอตัวลงบ้างเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกตามการค้าโลกที่เริ่มเติบโตช้าลงจากช่วงก่อนหน้า สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของโลก (Global Manufacturing Purchasing Managers’ Index) ที่ยังบ่งชี้การขยายตัวแต่มีทิศทางชะลอลงตั้งแต่ช่วงต้นปี ทั้งนี้ ทิศทางการส่งออกในปีหน้าก็มีแนวโน้มจะขยายตัวในอัตราชะลอลงเช่นกัน โดยจากการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 62 ของคู่ค้าสำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ กลุ่มประเทศยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน จะชะลอลงกว่าในปีนี้ นอกจากนี้ จากการประเมินขององค์การการค้าโลก หรือ WTO มูลค่าการค้าโลกในปี 62 ก็จะขยายตัวช้ากว่าในปี 61 เช่นกัน นอกจากนี้ ยังต้องจับตาผลกระทบของสงครามการค้าจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่บังคับใช้ไปแล้ว รวมถึงความเสี่ยงที่จะมีมาตรการอื่นๆ ออกมาอีกเพิ่มเติมในระยะต่อไป

ในด้านการท่องเที่ยวจากต่างชาติ EIC มองว่าจะยังมีการเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน แต่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจชะลอลงจากการลดลงในระยะสั้นของนักท่องเที่ยวจีนบางส่วนจากกรณีอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตและปัจจัยฐานสูงในช่วงไตรมาสที่ 4 นอกจากนี้ การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในปีหน้ายังอาจเริ่มเผชิญกับข้อจำกัดของกำลังการรองรับของสนามบินหลัก

ขณะที่รายได้ภาคครัวเรือนเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวแต่การเร่งการใช้จ่ายยังต้องใช้เวลา สัญญาณในด้านรายได้ของภาคครัวเรือนเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีแรกจากจำนวนผู้มีงานทำและค่าจ้างเฉลี่ยรายเดือนของลูกจ้างปรับเพิ่มสูงขึ้นที่ 0.3%YOY และ 2.1%YOY ตามลำดับ รวมไปถึงรายได้เกษตรกรที่เริ่มเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ราว 1.7%YOY(คำนวณจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร)

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าในไตรมาสที่ 2 การบริโภคสินค้าไม่คงทนซึ่งสะท้อนสัดส่วนการบริโภคที่ค่อนข้างสูงของกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลางยังคงเติบโตในระดับต่ำและชะลอตัวลง บ่งชี้ว่าการที่ครัวเรือนจะเพิ่มการใช้จ่ายน่าจะยังมีข้อจำกัดเพราะรายได้เพิ่งเริ่มฟื้นตัวและไม่ได้เป็นการฟื้นตัวในอัตราที่สูงมากนัก ขณะเดียวกันครัวเรือนในกลุ่มนี้ก็ยังคงมีภาระหนี้ต่อรายได้ที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนยังคงต้องพึ่งพาการใช้จ่ายของผู้มีรายได้สูงเป็นหลัก

อนึ่ง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 2 ปี 2018 ขยายตัว 4.6%YOY (เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน) หรือเติบโต 1.0% หากเทียบกับไตรมาสก่อนแบบปรับฤดูกาล ทำให้ GDP ของไทยครึ่งปีแรกขยายตัวได้ที่ 4.8%YOY

เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/61 ขยายตัวจากทุกหมวดการใช้จ่าย (broad-based) ทั้งการบริโภคและการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงอุปสงค์จากต่างประเทศมีการขยายตัวพร้อมกันคล้ายกับลักษณะการเติบโตในไตรมาสแรก โดยในไตรมาสที่ 2 หลายหมวดการใช้จ่ายมีการเติบโตแบบเร่งขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกสินค้า การบริโภคภาคเอกชนเร่งตัวขึ้นสูงจากยอดขายรถยนต์ แต่การบริโภคสินค้าไม่คงทนชะลอตัว การบริโภคภาคเอกชนในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวได้ 4.5%YOY เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.7%YOY และถือเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/56 โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการบริโภคในหมวดยานพาหนะที่เติบโตถึง 15.3%YOY ตามยอดขายรถยนต์นั่งที่เติบโตสูง ด้านการบริโภคสินค้ากึ่งคงทนขยายตัวที่ 3.8%YOY เร่งขึ้นจาก 2.4%YOY ในไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน

อย่างไรก็ดีการบริโภคสินค้าไม่คงทนเติบโตที่ 1.5%YOY ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.1%YOY นำโดยการชะลอตัวของการบริโภคหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่ขยายตัวที่ 2.0%YOY ชะลอลงจาก 2.7%YOY ในไตรมาสก่อนหน้ากำลังซื้อจากต่างประเทศยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในไตรมาส 2 มูลค่าการส่งออกสินค้าที่แท้จริงในรูปสกุลเงินบาทในไตรมาส 2 ขยายตัวที่ 7.4%YOY เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 4.7%YOY โดยยังเป็นการขยายตัวที่ต่อเนื่องในหลายสินค้าและตลาดส่งออกส่วนใหญ่ แสดงให้เห็นถึงภาวะการค้าโลกที่ยังเติบโตและผลกระทบจากการกีดกันทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ต่อสินค้าส่งออกของไทยที่ยังมีจำกัด

สำหรับมูลค่าการส่งออกภาคบริการที่แท้จริงในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวได้ที่ 3.1%YOY ชะลอลงพอสมควรจากไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ถึง 9.5%YOY ตามการชะลอลงของการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว การลงทุนทั้งจากภาคเอกชนและภาครัฐขยายตัวเร่งขึ้ น การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ 3.2%YOY เร่งขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.1%YOY นำโดยการลงทุนด้านเครื่องมือเครื่องจักรที่ขยายตัวที่ 3.3%YOY เร่งขึ้นจาก 3.1%YOY แต่การลงทุนด้านการก่อสร้างเติบโต 2.8%YOY ชะลอลงจาก 3.4%YOY ในไตรมาสก่อน ขณะที่ด้านการลงทุนภาครัฐขยายตัวที่ 4.9%YOY เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 4.0%YOY นำโดยการลงทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ