พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบรางวัล Thailand Energy Awards ประจำปี 2561 เปิดเผยว่าในวันนี้ (27 ส.ค. 61) การพัฒนาพลังงานทดแทนถือเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อยกระดับในเรื่องการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นเชื้อเพลิง ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และเป็นการส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ที่สร้างสรรค์จากนวัตกรรมที่นำมาใช้กับอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจ ซึ่งสามารถลดต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและยังเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงพลังงานให้กับประเทศ
ทั้งนี้ โครงการ Thailand Energy Awards นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ชี้วัดความสำเร็จของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาพลังงานทางเลือกและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานได้ร่วมกันผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนในด้านของการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน จนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ที่สอดรับกับนโยบายพลังงาน 4.0 ของรัฐบาล
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้จัดงานประกาศผลและมอบรางวัลผู้ชนะเลิศจากโครงการประกวดไทยแลนด์เอนเนอร์ยี่อวอร์ด 2018 (Thailand Energy Awards 2018) ครั้งที่ 19 มีจำนวน 69 รางวัล คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดรวมได้มากกว่า 730 ล้านบาทต่อปี สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 140,000 ตันต่อปี จากผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 268 ราย ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนการลดใช้พลังงานที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับว่าทุกภาคส่วนให้ความสำคัญในการเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงพลังงานในการส่งเสริมภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP 2015
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า ในปีนี้ภาคเอกชนให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งชี้ให้เห็นว่าภาคเอกชนมีความตื่นตัวในการแสวงหาแนวทางการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเห็นได้จากผู้ประกอบการทั่วประเทศ ที่มีความหลากหลายของชนิดการใช้เชื้อเพลิงเพื่อมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงาน ใหม่ๆให้เกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นผู้นำด้านนโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานจนประสบความสำเร็จอีกประเทศหนึ่งในโลก ซึ่งสอดรับกับการขับเคลื่อนนโยบายพลังงาน 4.0 ที่จะก้าวไปสู่การพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกผู้แทนที่มีผลงานโดดเด่น จำนวน 25 ผลงาน เพื่อเข้าร่วมประกวดในระดับอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ การประกวด TEA แบ่งออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ ด้านพลังงานทดแทน ด้านอนุรักษ์พลังงาน ด้านบุคลากร ด้านพลังงานสร้างสรรค์ และด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดย ด้านพลังงานทดแทน ได้รับรางวัลดีเด่น จำนวน 17 รางวัล ด้านอนุรักษ์พลังงาน ได้รับรางวัลดีเด่น จำนวนทั้งสิ้น 32 รางวัล ด้านบุคลากร ได้รับรางวัลดีเด่น จำนวน 10 รางวัล ด้านพลังงานสร้างสรรค์ จำนวน 1 รางวัล และ ด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน จำนวน 9 รางวัล