"สนธิรัตน์" เตรียมหารือทูตพาณิชย์ต.ค.นี้ก่อนเคาะเป้าหมายส่งออกปี 62-เล็งปรับเพิ่มเป้าปี 61

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 27, 2018 16:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสานพลังประชารัฐด้านการส่งเสริมการค้า ธุรกิจบริการ และการลงทุนในต่างประเทศว่า ภาคเอกชนประเมินว่ามูลค่าการส่งออกไทยทั้งปี 61 น่าจะขยายตัวได้ 9% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 257,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้จะมี Trade War เกิดขึ้น แต่การส่งออกยังทำได้ดี โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมที่หลายตัวการส่งออกเป็นบวก ส่วนสินค้าเกษตร มีทั้งบวก ทรงตัว และติดลบ แต่ภาพรวมยังเป็นบวก

"ตอนนี้เป้าหมายยังอยู่ที่โต 8% กระทรวงฯจะนำตัวเลขของภาคเอกชนมาประเมินร่วมกับข้อมูลจากทูตพาณิชย์ในประเทศต่างๆ อีกที ก็จะได้เป้าหมายการส่งออกปีนี้ ส่วนจะเพิ่มขึ้นเท่าไรต้องประเมินกันก่อน แต่ทิศทางดีขึ้นแน่ ส่วนการจัดทำเป้าหมายการส่งออกปี 62 ได้สั่งการให้นัดประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกในช่วงเดือนต.ค.61 แล้ว" รมว.พาณิชย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงสำคัญทั้งสงครามการค้า รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ซึ่งเอกชนมีความกังวล ส่วนการขับเคลื่อนการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังคงเน้นการสร้างหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ที่จะต้องทำให้เข้มข้นมากขึ้น

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าทีมเอกชน กล่าวว่า การส่งออกครึ่งปีหลังยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ตัวเลขอาจไม่สูงเท่าครึ่งปีแรก เพราะฐานการส่งออกครึ่งปีหลังของปีก่อนสูง แต่โดยภาพรวมส่งออกครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัวได้ 7% โดยมูลค่าการส่งออกกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 5% และกลุ่มอุตสาหกรรม เพิ่ม 11% เมื่อรวมกับครึ่งปีแรกที่เพิ่มขึ้น 11% มีโอกาสที่ทั้งปีจะโตได้ 9% มูลค่าประมาณ 257,950 ล้านเหรียญฯ

ส่วนการประมาณการมูลค่าการส่งออกในปี 62 ขยายตัวเท่าไร ขณะนี้ยังไม่กล้าประเมินล่วงหน้าเพราะหลายปัจจัยยังผันผวน โดยเฉพาะนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ไม่รู้จะมีอะไรเพิ่มเติมอีก รวมถึงมาตรการตอบโต้ระหว่างประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลก ทั้งสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ยุโรป โดยภาครัฐและเอกชนจะหารือกันอีกครั้งในเดือนต.ค.นี้ จึงจะระบุคาดการณ์ตัวเลขส่งออกปี 62 ได้

"สิ่งที่เอกชนมีความกังวลและอยากให้รัฐบาลดูแล คือ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าเงินบาท แม้ตอนนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง แต่อ่อนค่าน้อยกว่าประเทศคู่แข่ง ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย ส่วนเรื่อง Trade War ระยะสั้นยังไม่ได้รับผลกระทบ อุตสาหกรรมหลายชนิดยังส่งออกได้ดี เช่น รถยนต์ แต่ที่ต้องติดตาม คือ ภาคเกษตรที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะราคามันสำปะหลัง"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ