ครม.เห็นชอบเติมเงินรายเดือนเข้า e-wallet ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐที่ลงทะเบียนพัฒนาตนเอง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 28, 2018 16:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการเพิ่มวงเงินให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่แสดงความประสงค์จะพัฒนาตนเองในแบบประเมินและเมนูการพัฒนารายบุคคล โดยจะได้รับวงเงินเพิ่มสำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อการเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ซึ่งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินเพิ่มจำนวน 200 บาท/คน/เดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินเพิ่ม จำนวน 100 บาท/คน/เดือน

ทั้งนี้ การเพิ่มวงเงินดังกล่าว ดำเนินการมาแล้ว 6 เดือน (มี.ค.-ส.ค.61) ซึ่งสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนให้กับผู้มีสิทธิได้ระดับหนึ่ง

อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า วันนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนจากการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 200/100 บาท เป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิแทน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและกำลังซื้อให้ผู้มีสิทธิ สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ เช่น ยารักษาโรค อาหาร รวมทั้งสามารถใช้เงินที่เติมลงบัตรในส่วนนี้ เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการกับหน่วยงานหรือร้านค้าที่วางเครื่อง EDC ของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือร้านค้าทั่วไปที่วางเครื่อง EDC ที่มีสัญลักษณ์ PromptCard หรือร้านค้าที่รับชำระเงินผ่าน Mobile Application หรือ "ถุงเงินประชารัฐ"

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิที่เริ่มใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการชำระค่าสินค้าหรือบริการจากเงินที่เติมลงบัตรเป็นครั้งแรก จะต้องเปลี่ยนรหัส 6 หลักเดิม (เลขประจำตัวประชาชน 6 หลักสุดท้ายบนหน้าบัตร) จากเครื่อง ATM หรือ เครื่อง ADM หรือ สาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ สำหรับผู้ที่ได้ใช้รหัส 6 หลักในการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ผ่าน Mobile Application "ถุงเงินประชารัฐ" แล้ว สามารถใช้รหัสเดียวกันนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนรหัสอีก ตลอดจนใช้ถอนเงินในส่วนนี้ได้ และควรเก็บรักษารหัสไว้อย่างดีเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนเป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิยังคงวัตถุประสงค์เดิม คือเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย และยังเป็นการส่งเสริมการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด

ด้าน พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 100-200 บาท มาเป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือก และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีสิทธิตามบัตรสวัสดิการสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ อันจะช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ และส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

"ได้มีการเสนอให้ปรับเปลี่ยนแนวทางจากการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นรายเดือน ตามมาตรการที่ ครม.ได้เคยมีมติเมื่อ 9 ม.ค.61 เป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิแทน คือจากเดิมที่จะเป็นการเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการฯ เพื่อจะไปใช้จ่ายในร้านธงฟ้า ก็เปลี่ยนมาเป็นว่าผู้ที่ได้รับเงินสามารถถอนเงินที่ได้เติมเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์นี้เป็นเงินสดผ่านตู้ ATM ได้เลย เพื่อนำไปใช้จ่าย โดยใช้ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย และถ้าแต่ละเดือนมียอดเงินคงเหลือ ก็สามารถสะสมไว้ในเดือนต่อไปได้ นี่คือข้อแตกต่าง" พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี เงินที่เติมเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์นี้ จะเป็นเฉพาะเงินที่ได้รับเพิ่มเติมจากโครงการระยะที่ 2 จำนวน 100-200 บาทเท่านั้น ส่วนระยะแรกที่ได้ไปแล้ว 200-300 บาทนั้น ยังเป็นเงินในบัตรสวัสดิการที่ต้องนำไปใช้ซื้อสินค้าในร้านธงฟ้า หรือร้านที่มีเครื่องที่สามารถอ่านบัตรได้เท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ