ที่ปรึกษา ก.ล.ต.มองแนวโน้มความร่วมมือระหว่างประเทศจัดการอาชญากรรมเงินดิจิทัลกระชับขึ้นเพื่อร่วมกันบังคับใช้กม.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 30, 2018 13:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภูมิ ภูมิรัตน ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวในการเสวนางาน"ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจกับการต่อต้านอาชญากรรมในยุคดิจิทัล: อาชญากรรมกับคริปโตเคอเรนซี่"ว่ องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) ตั้งศูนย์ตรวจสอบการทำ Transaction ของคริปโตเคอเรนซีที่น่าสงสัยมาแล้วกว่า 1 ปี ในแต่ระบบเดิมจำเป็นต้องมีผู้เสียหายก่อนจึงจะดำเนินการได้

อย่างไรก็ดี เชื่อว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคตจากการร่วมมือกันของผู้กำกับดูแล และมองว่าความร่วมมือระหว่างประเทศในการร่วมกันบังคับใช้กฎหมายเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งแนวโน้มในอนาคตคาดว่าจะมีการร่วมกันของหลายประเทศมากขึ้น

ขณะที่เชื่อมั่นว่าการใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับระบบเดิม (Hybrid) ในคริปโตเคอเรนซีจะเป็นทางออกที่ดี ซึ่งมองว่ายังจำเป็นต้องมีพยานเพื่อเป็นศูนย์กลางในการระบุตัวตนเพื่อทำการเปิดบัญชี หลังจากนั้นจึงจะสามารถทำธุรกรรมแบบไม่ระบุชื่อได้ ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มเติมโครงสร้างทางกฎหมาย โดยคาดว่าอาจใช้ระยะเวลากว่า 10 ปี ในการพัฒนาและทำการเชื่อมต่อให้ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากทำได้จริงนวัตกรรมดังกล่าวจะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ในปัจจุบันถือเป็นยุคดิจิทัลที่สามารถปฎิเสธคริปโตเคอเรนซีได้ยาก อีกทั้งเทคโนโลยียังมีองค์ความรู้ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมองว่าหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมี Counter Party กับทั้งภาคเอกชนและภาครัฐเพื่อสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน

ในขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาเศรษฐกิจ จากปัจจุบันที่ภูมิภาคอาเซียนเกิดภาวะขาดผู้นำ ซึ่งต้องมีความสามารถการต่อรองเจรจาในการค้าโลกขนาดใหญ่ รวมไปถึงต้องมีมาตรฐานการต่อรองเรื่อง Cyber Security ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันในเครือข่ายให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบการเงินไทยมีความคล่องตัวมากขึ้น

ขณะเดียวกัน มีความคาดหวังและต้องการให้ความคิดเชิงเสรีเข้ามานำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการดำเนินงาน อาทิ บล็อกเชน และผลักดันให้ประชาชนหรือภาคธุรกิจขนาดเล็กเข้าสู่ระบบด้วย เพื่อเดินตามนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งจำเป็นต้องมีการปูพื้นฐาน สร้างองค์ความรู้ทางการเงิน และทำตามกฏระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่แล้วให้ดีที่สุด

ปัจจุบันหลายองค์กรเริ่มมีการนำโทเคนมาใช้ อาทิ กลุ่มธุรกิจพลังงานที่เห็นโอกาสและอยู่ระหว่างการศึกษาการซื้อขายแลกเปลี่ยนพลังงานผ่านระบบบล็อกเชน และกลุ่มธุรกิจนิคมอุสาหกรรม ที่มีจำนวนหลายแห่งและให้บริการระบบสาธารณูปโภค เริ่มมีการศึกษาระบบบล็อกเชนเพื่อประยุกต์ใช้ในวัฏจักรระหว่างอุตสาหกรรม

ด้านนายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Zcoin และ TDAX Crypto Currency Exchange กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพยายามพัฒนาและปรับให้คริปโตเคอเรนซีสามารถนำมาใช้แทนสกุลเงินได้จริงในชีวิตประจำวัน และสร้าง Ecosystem ให้เกิดขึ้น ซึ่งคาดหวังว่าจะสามารถเกิดขึ้นและใช้จริงได้ในปี 62

ปัจจุบันมีการใช้และถือครองคริปโตเคอเรนซีในประชากรไทยเพียง 0.2% ซึ่งคาดหวังว่าใน 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนของคนที่ใช้คริปโตเคอเรนซีจะแตะที่ระดับ 10% โดยมองว่าความสำคัญของธนาคารพาณิชย์จะยังอยู่ แต่เปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นศูนย์กลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมผ่านคริปโตเคอเรนซี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ