นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.75 บาท/ดดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.71/72 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจากตลาดกับมา กังวลเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนอีกครั้ง กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการเดินหน้าตามแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อ สินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆ ของสหรัฐฯใน สัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ ทั้งอาร์เจนตินา และตุรกี
"บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์ฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนอีก ครั้ง" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.60-32.80 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (30 ส.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.28058% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.43667%
SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.7450 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 110.98 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 111.54/57 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1669 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1687/1690 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.6970 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารรายใหญ่หาพันธมิตรรับมือบล็อกเชน-เอไอ เพิ่มแข่งขันการเงินยุคใหม่: แบงก์พาณิชย์ผนึกกำลังเร่งปรับตัวรับ
การเปลี่ยนแปลงยุค ฟินเทค ออกผลิตภัณฑ์และบริการสู้ คู่แข่งจากต่างประเทศ
- ผู้ก่อตั้ง Zcoin TDAX Crypto Currency เปิดเผยว่า ในปัจจุบันการระดมทุนผ่าน ICO (Initial Coin
Offerings) มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจที่ออก ICO ประสบความสำเร็จน้อย ขณะเดียวกันผู้ที่เข้าไปลงทุน จะ
คาดหวังที่ส่วนต่างจองราคาซื้อขาย ในระยะสั้นๆ เป็นหลัก ทำให้บางครั้งบริษัทที่ออก ICO มีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะนำไปพัฒนาระบบ
เทคโนโลยี ที่นำเสนอไว้ เมื่อโทเคนที่ออกมีราคาต่ำกว่าที่ตั้งไว้มาก รวมถึงกรณีของการหลอกลวง ในการทำธุรกิจที่ไม่เป็น ไปตามที่
นำเสนอไว้ก็มีส่วนทำให้การออก ICO ไม่น่าจะเป็นที่นิยมต่อไปในระยะยาว และจะหันมาออก STO (Securities Token
Offering)กันมากขึ้น
- อาเซียนลงนามเปิดเสรีบริการเพิ่ม ชี้ไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร สุขภาพ ดูแล
ผู้สูงอายุ จัดงานแสดงสินค้า การประชุม ซ่อมแซมอุปกรณ์ เผยยังได้ผลักดันให้อาเซียนทำความตกลงค้าบริการฉบับใหม่ ตั้งเป้าสรุปปี
นี้ ด้านไทยโชว์ความพร้อมรับไม้ต่อเป็นประธานอาเซียนปีหน้า ส่วนประเด็นเศรษฐกิจที่สิงคโปร์ผลักดัน อาเซียนเห็นชอบหมด
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน รายงานความเชื่อมั่นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ หรือ
ดัชนี SSI ในไตรมาส 2 ปี 2561 ภาพรวม อยู่ที่ระดับ 60.85 ปรับลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าเพราะติดช่วงวันหยุดยาว
โดยผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นอยู่ในเกณฑ์ดี ยกเว้นด้านต้นทุน เนื่องจากต้นทุนการประกอบธุรกิจมีการปรับเพิ่มขึ้น ทั้งค่าแรง
อุปกรณ์การผลิต ราคาน้ามัน และค่าขนส่ง
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว หลัง
จากลดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. สอดคล้องกับตัวเลข
คาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเท่ากับตัวเลขการใช้จ่ายในเดือนมิ.ย.
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวด
อาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อ
เทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ส.
ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งเป็น
มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยสนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะ
เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงิน
ดอลลาร์เป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการพุ่งขึ้นของดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการ
บริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็น
ปัจจัยล่าสุดที่สนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- สื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการเดินหน้าตามแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้า
ต่อสินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐใน
สัปดาห์หน้า รายงานข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรง
และยืดเยื้อ
- ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการรายงานในวันนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ
ประจำเดือนส.ค.
- นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยปธน.ทรัมป์ได้แสดงความหวังว่า แคนาดาจะบรรลุข้อ
ตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ภายในวันนี้
- นักลงทุนจับตาวิกฤตการเงินในอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในละตินอเมริกา
โดยมีความกังวลกันว่ารัฐบาลอาร์เจนตินาอาจผิดนัดชำระหนี้จำนวนมาก