นายกฯระบุไทยมีความแข็งแกร่งทั้งฐานะด้านตปท.-ฐานะการคลัง สร้างความมั่นใจให้นลท.ใน-ตปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday September 15, 2018 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ว่า ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจเหล่านี้ ประเทศไทยยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เห็นได้จากค่าเงินที่อ่อนลงไม่มาก และราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ปรับลดลงมากนัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ประเทศของเราได้รับบทเรียนจากปี 40 ที่ทุกภาคส่วนของประเทศ ทั้งภาครัฐ เอกชน ธนาคารพาณิชย์ ต่างตั้งอยู่บนความพอเพียง มีความพอประมาณ มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้มีความเข้มแข็งในทุกภาคส่วน ที่สำคัญในด้านต่างประเทศ เรามีปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง ล่าสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม เงินสำรองระหว่างประเทศของไทยอยู่ที่เกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของไทย และเมื่อเทียบกับหนี้ต่างประเทศของไทย พบว่าเรามีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงกว่าหนี้ระยะสั้น ที่เป็นเงินตราต่างประเทศถึง 3.5 เท่า ซึ่งก็หมายถึงเรามีเงินตราต่างประเทศในระดับเกินพอ หากต้องการที่จะชำระหนี้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศในวันนี้ หนี้ต่างประเทศของรัฐบาล โดยได้ทยอยคืนจนเหลือเพียงร้อยละ 4 ของ GDP รวมทั้งพยายามปรับโครงสร้างให้เป็นการกู้ยืมระยะยาวมากขึ้น เป็นการกู้ภายในประเทศมากขึ้น

ฐานะด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่งนี้ เป็นผลมาจากการสะสมความมั่งคั่งของประเทศ การส่งออกสินค้าและบริการที่เติบโต สร้างรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้กับไทยได้อย่างต่อเนื่อง ภาคเอกชนและธนาคารพาณิชย์ที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง รวมถึงการดำเนินนโยบายภาครัฐอย่างระมัดระวัง มีวินัยทางการเงินการคลัง โดยจะเห็นได้ว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณร้อยละ 41 ซึ่งอยู่ในกรอบที่เรากำหนดไว้ และถือเป็นระดับที่ดีกว่าหลักเกณฑ์สากล ที่กำหนดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะไม่ควรสูงเกินร้อยละ 60 ของขนาดเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เป็นภาระที่เกินตัวของภาครัฐ และที่ผ่านมาหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นของเรา ก็เป็นผลมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าการลงทุนใหม่และเป็นประโยชน์ ให้กับประชาชนและภาคธุรกิจในอนาคต รวมทั้ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ในระยะยาวอีกด้วย

ความแข็งแกร่งของฐานะด้านต่างประเทศ และฐานะการคลังของไทย รวมถึง อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศ นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม มหภาค หรือ Macro ที่เข้มแข็ง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผลดี และถือว่าเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับประเทศ จะช่วยให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมีความมั่นใจ จึงยังไม่เห็นภาพการไหลออกของเงินทุนอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในบางประเทศ และในทางที่กลับกัน อาจจะเห็นว่ามีนักลงทุนบางส่วนเคลื่อนย้ายเงินทุนจากประเทศตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ เข้ามาในไทยอีกด้วย พร้อมเน้นย้ำว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนั้นจะต้องดูแลให้ครบทุกมิติทุกระดับ ทั้งภาพเศรษฐกิจมหภาค และจุลภาคที่มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งในปัจจุบัน ระดับมหภาคของประเทศดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.9 ในปี 2557 โดยล่าสุดมาอยู่ที่ร้อยละ 4.7 ในครึ่งแรกของปีนี้ อีกทั้งยังมีความมั่นคงของฐานะด้านต่างประเทศ

สิ่งที่สำคัญก็คือการกระจายการเติบโตในด้านมหภาคมาสู่จุลภาค มาสู่ประชาชน และธุรกิจรายย่อยผู้มีรายได้น้อยให้ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจในการจะแสวงหาแนวทางและริเริ่มมาตรการใหม่ ๆ เพื่อนำมาดูแลในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างทั่วถึงให้มากที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ