(เพิ่มเติม) ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ส.ค.61 ที่ 92.5 ลดลงตามปัจจัยฤดูกาลทำยอดขายชะลอ-ต้นทุนพลังงานสูง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 19, 2018 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการประจำเดือน ส.ค. 61 โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 92.5 ปรับตัวลดลงจาก 93.2 ในเดือน ก.ค. 61 สาเหตุจากปัจจัยด้านฤดูกาล เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้กระทบต่อกำลังซื้อในส่วนภูมิภาคส่งผลให้ยอดขายชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าไม่คงทนและกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ขณะที่ต้นทุนประกอบการเพิ่มขึ้นตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบและวัตถุดิบ รวมทั้งความกังวลของผู้ส่งออกที่มีต่อมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังคงขยายตัวดีต่อเนื่องสะท้อนจากดัชนียอดคำสั่งซื้อและยอดขายในต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 105.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 104.5 ในเดือน ก.ค. สะท้อนว่าผู้ประกอบการมีมุมมองต่อการดำเนินกิจการใน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในระดับดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อและการผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบในช่วงปลายปี

"ส.อ.ท.ยังเชื่อมั่นว่าใน 3 เดือนข้างหน้าภาคอุตสาหกรรมในช่วงปลายปีน่าจะเข้มแข็งขึ้น"

สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ขอให้ภาครัฐดูแลค่าเงินบาทให้สอดคล้องกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อไม่ให้เสียเปรียบกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้าของไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก

ด้านนายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการพบว่า ผู้ประกอบการค่อนข้างกังวลเรื่องต้นทุนในการประกอบการ ทั้งอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันดิบโลก อัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ผลประกอบการปรับตัวลดลงประมาณ 2 Point แต่ถ้าดูเรื่องภาพต่างประเทศในเดือนสิงหาคมผู้ประกอบการยังค่อนข้างมั่นใจในมุมต่างประเทศ เรื่องการส่งออก เนื่องจากคำสั่งปรับตัวดีขึ้น ยอดขายโดยรวมในต่างประเทศก็ปรับตัวดีขึ้น แปลว่าในเดือนสิงหาคมผู้ประกอบการกังวลเฉพาะตลาดในประเทศ แต่ต่างประเทศยังดีอยู่ และจะส่งผลให้การส่งออกเจริญเติบโตในระดับ 9-10% ได้ตามที่ กกร.มองไว้

นายมนตรี กล่าวถึงอัตราแลกเปลี่ยนว่า น่าจะเป็นประเด็นที่ยังต้องติดตามกันต่อ แต่ถ้าดูจริงๆ บาทไม่ได้แข็งค่าไปกว่าตอนต้นปี และดีกว่าตอนต้นปีด้วยซ้ำ แต่ก็ยังห่วงว่าจะแข็งค่าขึ้นไปอีก และต้องเฝ้าติดตามว่าในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระหว่าง 25-26 ก.ย.นี้ ถ้ามีการปรับอัตราดอกเบี้ยก็น่าจะส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการก็เป็นห่วงว่าถ้าเฟดปรับอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้อย่างไร และผู้ประกอบการอยากให้ภาครัฐดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับประเทศอื่น

ด้านสถานการณ์การเมืองในประเทศ พบว่า ผู้ประกอบการสบายใจขึ้นเนื่องจากใกล้จะมีการเลือกตั้ง

"มีคนเปรียบเทียบว่าอัตราแลกเปลี่ยนเราแข็งค่ากว่าประเทศอื่นหรือเปล่า เป็นว่าเราจะเสียเปรียบด้านการค้าและขีดความสามารถในการแข่งขัน...เราคุยกับแบงก์ชาติหลายรอบว่าจริงๆดูแค่อัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้ ต้องดูเรื่องทุนสำรองของประเทศด้วยว่าระดับ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯค่อนข้างแข็งแรง วินัยการเงินการคลังเราค่อนข้างแข็งแรง เรื่อง Research เราก็ดี เรื่อง Inflation เราก็ดี เพราะฉะนั้นอัตราแลกเปลี่ยนอาจจะไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่บ่งบอกภาพ Macro ของประเทศ..ต้องเฝ้าดูถ้าเฟดปรับดอกเบี้ยก็จะเป็นหน้าตานึง แต่ถ้าไม่ปรับก็จะเป็นอีกหน้าตานึง..ขอให้เฝ้าดูวันที่ 25-26 ก.ย.ที่จะถึงนี้"นายมนตรี กล่าว

นอกจากนี้ ในอนาคตจะพยายามสำรวจความคิดเห็นจากผู้ประกอบการให้ได้ 3 พันรายจากปัจจุบันอยู่ที่ 1,127 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ