ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.38 แข็งค่าจากช่วงเช้า รับเม็ดเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตร สัปดาห์หน้าติดตามการประชุมเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 21, 2018 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เปิดตลาดเช้าที่ระดับ 32.42 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามา ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.43 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 25-26 ก.ย.61

"บาทแข็งค่าจากช่วงเช้าน่าจะเป็นผลจากมี flow ไหลเข้ามาในตลาดตราสารกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ประเด็นใหญ่ นักลงทุนรอดูผลประชุม FED สัปดาห์หน้า" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ 32.30-32.45 บาท/ดอลลาร์

"สัปดาห์หน้าบาทมีโอกาสทำนิวโลว์" นักบริหารเงิน กล่าว
  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 112.73 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.51 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1776 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1775 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,756.12 จุด เพิ่มขึ้น 4.01 จุด, +0.23% มูลค่าการซื้อขาย 78,592.62 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 605.15 ล้านบาท(SET+MAI)
  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ส.
ค.61 ระบุว่า การส่งออกมีมูลค่า 22,794.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 6.68% สูงกว่าตลาดคาดว่าจะขยายตัว 4.5-4.75%
ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 23,382.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 22.8% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 588 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกในเดือน ส.ค.61 ที่ 22,794 ล้านเหรียญฯ ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%
จากระดับ 1.75-2.00% เป็น 2.00-2.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 กันยายน 2561 ตลอดจนประกาศเพิ่มระดับการลดขนาดงบ
ดุลไปที่ระดับสูงสุดที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ/เดือน

สำหรับผลกระทบต่อไทย คงต้องยอมรับว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจเพิ่มแรงกดดันให้ประเทศในตลาดเกิด ใหม่ที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจต่างประเทศอ่อนแออาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม เพื่อลดผลกระทบของการไหลออกของเงินทุน อย่าง ไรก็ดี ในส่วนของประเทศไทยแรงกดดันต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่ต่ำเทียบกับกลุ่มประเทศในตลาดเกิดใหม่ เนื่อง จากประเทศไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจต่างประเทศแข็งแกร่ง โดยมีระดับทุนสำรองในระดับสูง และมีการพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศไม่ มาก ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตา คงหนีไม่พ้นความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายที่อาจจะส่งผลให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนตาม

  • อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยผลการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือน ส.ค.61 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอ
จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศจำนวน 6,446 ราย เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. 61 จำนวน 5,964 ราย เพิ่มขึ้น
จำนวน 482 ราย คิดเป็น 8% แต่เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค.60 จำนวน 7,159 ราย ลดลง 713 ราย คิดเป็น 10%
  • ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยสถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.61) มียอด
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนทั้งสิ้น 25,886,325 คน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสร้างรายได้รวม
1,350,317.90 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • กระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานปรับตัว
ขึ้นในเดือนส.ค. โดยได้รับอานิสงค์จากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อนั้น นั้นยังคงอยู่
ห่างจากระดับเป้าหมายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ระดับ 2%
  • สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ได้พิจารณาว่าบริษัท
สัญชาติสหรัฐบริษัทใดจะได้รับการยกเว้นจากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ เหมือนที่เคยดำเนินการมา
แล้วในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนครั้งก่อนๆ
  • กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนกำลังประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการที่สหรัฐตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำ
เข้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์
  • ประเด็นของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังต้องจับตามองต่อไป โดยเฉพาะที่ล่าสุดทั้งสหรัฐฯ และจีนต่าง
ประกาศมาตรการภาษีนำเข้าออกมาเพิ่มเติมและจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. ที่จะถึงนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ