ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.42/43 แกว่งในกรอบแคบ จับตาสัญญาณดอกเบี้ยของเฟดกลางสัปดาห์นี้ คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.40-32.50

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 24, 2018 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.42/43 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า เล็กน้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.47 บาท/ดอลลาร์

โดยรวมตลอดทั้งวันนี้เงินบาทค่อนข้างเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดรอติดตามไฮไลท์สำคัญช่วงกลาง สัปดาห์ คือ ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งนอกจากรอดูว่าจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย ตามที่ธนาคารได้ออกมาระบุไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่แล้ว ยังรอดู Dot Plot การปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปด้วย พร้อมกับดูว่าจะ ประกาศปรับลดงบดุลหรือไม่ ในปริมาณมากน้อยเพียงใด

"ตลาดรอดู 2 เรื่องหลักๆ ตอนนี้ว่าเฟดจะวาง Dot plot ดอกเบี้ยอย่างไรต่อไป รวมถึงดูว่าจะมีการประกาศลดงบ ดุลหรือไม่ ถ้าลด จะลดลงเท่าไร ส่วนกรณีที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ มองว่าตลาดรับข่าวไปค่อนข้างมากแล้ว" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ระดับ 32.40 - 32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.67 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.59 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1774 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,749.42 จุด ลดลง 6.70 จุด (-0.38%) มูลค่าการซื้อขาย 44,102 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 726.02 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.70 บาท/ดอลลาร์ พร้อม
มองว่าตลาดจะจับตากระแสการค้าโลกอีกครั้ง หลังจีนยกเลิกการประชุมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และเป็นที่คาดการณ์โดยทั่วไปว่า
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ย.61 และโอกาสที่
จะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือน ธ.ค.61 อยู่ที่ราว 70% ประเด็นหลักจึงอยู่ที่ถ้อยคำในแถลงการณ์ของเฟด ซึ่งจะมีนัยต่อการส่งสัญญาณการ
ดำเนินนโยบายตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป หากเฟดบ่งชี้ว่าแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในระยะยาวเริ่มช้าลง เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขาย
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อว่าหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายใน
การประชุมวันที่ 25-26 ก.ย.นี้ จะไม่มีผลกระทบรุนแรงต่อตลาดเงินโลก เนื่องจากเฟดได้มีการสื่อสารกับตลาดได้ดีในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนกรณีเงินทุนไหลเข้าไทยนั้น เป็นเพราะในระบบการเงินของโลกมีสภาพคล่องสูง โดยมองว่าตลาดไม่ได้พิจารณาปัจจัยเรื่องส่วน
ต่างของดอกเบี้ยเป็นสำคัญ แต่การที่เงินทุนไหลเข้าในไทยต่อเนื่องเป็นเพราะปัจจัยจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ดี ประกอบกับเริ่มมี
ความชัดเจนทางการเมื่องในเรื่องของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 62
  • ธปท. จัดงานสัมมนาวิชาการ BOT Symposium 2018 "สู่ยุคใหม่ของระบบการเงินและธนาคารกลาง" ว่าบทบาท
หน้าที่ของธนาคารกลางในการเป็นผู้ดูแลรักษาเสถียรภาพในระยะยาวยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น และในขณะเดียวก็มีความท้าทายมากขึ้น
ท่ามกลางแรงกดดันและความต้องการในช่วงเวลาสั้นๆ ความเป็นอิสระในการดำเนินงานเป็นสิ่งที่ทำให้ธนาคารกลางสามารถดูแล
รักษาเสถียรภาพความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจระยะยาวได้อย่างมั่นคง
  • รมว.พาณิชย์ เผยคณะนักธุรกิจของสภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป (EU-ASEAN Business Council:EU-ABC)
เชื่อมั่นนโยบายรัฐบาลไทยที่มุ่งแก้ไขอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันการรวมกลุ่มของอาเซียนเพื่อให้เกิด
ผลเป็นรูปธรรม ยืนยันนักธุรกิจยุโรปต้องการขยายการค้าการลงทุนในอาเซียน รวมทั้งไทย
  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของ
ธนาคารธนชาต เป็น 'AA-(tha)' จาก 'A+(tha)' และยังเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ บมจ. ทุนธนชาต
(TCAP) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง (holding company) ของ TBANK เป็น 'A+(tha)' จาก 'A(tha)' และอันดับเครดิตภายใน
ประเทศระยะสั้นเป็น 'F1+(tha)' จาก 'F1(tha)' โดยทั้ง 2 บริษัทมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ คาดว่า ปี 62 ตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งจาก
เศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจาก 1) ผลกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลดภาษีของสหรัฐฯ เริ่มทยอยหมดลง 2) ผล
กระทบจากสงครามทางการค้าจะเริ่มเห็นชัดขึ้น 3) เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีความเสี่ยงชะลอตัวจากการขึ้นภาษีบริโภคระลอกสองในช่วง
เดือน ต.ค. และ 4) การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าเงินอ่อนค่ารุนแรงใน
ช่วงนี้
  • สหรัฐบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์แล้ววันนี้ นับเป็นสถานการณ์ที่บาน
ปลายในช่วงสงครามการค้าของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก

ในเบื้องต้น สหรัฐจะจัดเก็บภาษีในอัตรา 10% และจะปรับขึ้นเป็น 25% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป นับเป็น การสร้างแรงกดดันต่อจีนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่มีการกล่าวหาว่า จีนได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยี

  • รัฐบาลจีนได้เผยแพร่รายงานสมุดปกขาวในวันนี้ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า

ระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการแสดงจุดยืนของจีนที่มีต่อความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ และการหาทางออกที่สมเหตุสมผล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ