แกรนท์ ธอนตัน มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทย H2/61 โตดีได้ส่งออกหนุน-ท่องเที่ยวเข้าไฮซีซั่น สงครามการค้ากระทบแค่บางธุรกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 26, 2018 14:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แกรนท์ ธอนตัน เชื่อว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก ตามการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และการท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นปลายปี ประกอบภาครัฐเร่งผลักดันการลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขณะที่เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลง โดยมองว่าสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้นจะส่งกระทบต่อไทยในบางธุรกิจเท่านั้น ส่วนตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุน

นายธีรศักดิ์ ฉั่วศรีสกุล หุ้นส่วนของแกรนท์ ธอนตัน ในประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมองว่าจะเติบโตดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง สอดคล้องกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะเติบโตได้มากกว่า 4% เนื่องจากการส่งออกไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะเติบโตดีในไตรมาส 4/61 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น แม้ก่อนหน้านี้การท่องเที่ยวจะปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มีสัดส่วนสูง

ประกอบกับ รัฐบาลมีการผลักดันการลงทุนในพื้นที่ EEC ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศและในพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งมีการลงทุนขนาดใหญ่ในการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่าง 3 สนามบิน ซึ่งหากเกิดขึ้นได้จริงจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจชัดเจนในปี 63 ด้วย

ส่วนประเด็นเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้านั้น นายธีรศักดิ์ มองว่า กลุ่มประเทศในอาเซียนจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากที่มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐและจีนสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบกับประเทศไทยเพียงบางกลุ่มธุรกิจเท่านั้น อาทิ การส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แต่คาดว่ากลุ่มธุรกิจอาหารจะได้รับปัจจัยบวกเพิ่มขึ้น ประกอบกับประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหลายหน่วยงานยังคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 61 ไว้ที่ 4.2-4.7%

อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจต้องมีวิธีการป้องกันความเสี่ยงและติดตามผลกระทบในระยะต่อไป เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงที่สหรัฐอาจทำให้เกิดปัญหาระยะยาว แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อไทยจนถึงขั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากไทยมีภูมิคุ้มกันจากการเกิดวิกฤตครั้งก่อน อีกทั้งเชื่อว่ากระทรวงการคลังและธปท.จะสามารถรับมือได้

ด้านแนวโน้มความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนยังมองว่ามีโอกาสที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง โดยคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 32-33 บาท/ดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งยังต้องติดตามผลกระทบหลังจากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ส่วนประเทศไทยเชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งหลังมีการส่งสัญญาณจาก ธปท.ถึงความจำเป็นในการใช้นนโยบายการเงินผ่อนคลายมีน้อยลง

นายธีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปัจจุบันยังมีโอกาสเข้าลงทุน เนื่องจากค่า P/E อยู่ในระดับต่ำที่ 15 เท่า โดยคาดการณ์ว่า P/E ยังสามารถสูงขึ้นไปได้ถึง 17-18 เท่า ขณะเดียวกันเห็นสัญญาณของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาลงทุนแล้ว ประกอบกับการเลือกตั้งที่เริ่มมีความชัดเจนทำให้เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนกลับมามากขึ้น โดยมองหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในระดับ Luxury มีความน่าสนใจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ