ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.45/46 แกว่งแคบ นลท.รอดูถ้อยแถลงประธานเฟดคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 26, 2018 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.45/46 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า เล็กน้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.42 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบมาก โดยตลอดทั้งวันอยู่ในกรอบ 32.41-32.47 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดรอ ผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในคืนนี้ ซึ่งประเด็นสำคัญกว่าการรอดูว่า FOMC จะ ปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่นั้น คือรอดูว่าประธานเฟดจะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยใน ระยะถัดไปอย่างไร

"บาทวันนี้แกว่งแคบมาก ดูแล้วยังนิ่งๆ ไม่ไปไหนไกล เพราะตลาดรอดูคืนนี้ว่าเจอโรม พาวเวล จะมีคอมเมนท์ทิศทาง เศรษฐกิจสหรัฐอย่างไร ดู Dot Plot เรื่องการปรับดอกเบี้ยในระยะถัดไปด้วย" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่าพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35 - 32.55 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.90 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.93 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1762 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1760 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,749.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.94 จุด (+0.11%) มูลค่าการซื้อขาย 48,750 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 98.74 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มวงเงินสูงสุดในการโอนเงิน สำหรับการโอนเงิน
ด้วยเลขที่บัญชีเงินฝากธนาคาร ตั้งแต่ ต.ค.61 เป็นต้นไป จากวงเงินเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 50,000 บาท/รายการ เป็นไม่เกิน
699,999 บาท/รายการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถโอนเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง internet
banking และ mobile banking ในแต่ละรายการได้สูงขึ้นโดยไม่ต้องแยกทำรายการหลายครั้ง สอดคล้องกับความต้องการใช้
งาน และช่วยสนับสนุนการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจการเงินของประชาชน ภาคธุรกิจ และหน่วยงานต่างๆ
  • อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 61 โดยมั่นใจว่า มูลค่าการส่ง
ออกจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 8% แต่จากการหารือกับภาคเอกชน ส่วนใหญ่ประเมินว่าน่าจะโตถึง 9% ขณะที่สำนักงานส่งเสริมการ
ค้าในต่างประเทศ มองว่าจะโตได้ในระดับ 8-10% เพราะแต่ละตลาดมีความแตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 18 ต.ค.61 ซึ่งเป็นช่วงการประชุมทูตพาณิชย์ ที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รวมถึงจะประเมินตัวเลขการส่งออกสำหรับปี 62 ด้วย

  • แกรนท์ ธอนตัน เชื่อว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก ตามการส่งออกที่ยัง
ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และการท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นปลายปี ประกอบภาครัฐเร่งผลักดันการลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่เขต
พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขณะที่เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลง โดยมองว่าสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้นจะส่งกระทบต่อไทยใน
บางธุรกิจเท่านั้น ส่วนตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุน
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า แนวโน้มสินเชื่อธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศปี 2561 มีโอกาสขยายตัวสูงกว่า
กรอบประมาณการที่คาดไว้ที่ 4.8-5.3% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากสินเชื่อรายย่อยที่คาดว่าจะโตดีในทุกองค์ประกอบ ทั้งสินเชื่อเช่า
ซื้อที่ได้แรงหนุนจากยอดขายรถใหม่ที่สูงกว่าเป้าหมายเดิม สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่คงเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล และสิน
เชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีเริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ การเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วง
ท้ายปีอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นสินเชื่อภาคธุรกิจและบรรเทาผลกระทบจากการชำระคืนหนี้รายใหญ่ลง
  • แกรนท์ ธอนตัน ในประเทศไทย กล่าวว่า จากข้อมูลผลสำรวจธุรกิจนานาชาติของแกรนท์ ธอนตัน (Grant
Thornton International Business Report-IBR) ในไตรมาส 2/61 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจไทยลดลงจากค่าเฉลี่ย
สุทธิ 16% มาที่ 2% แม้ ดัชนีอื่นๆ หลายตัวส่งสัญญาณเชิงบวก แต่มีปัจจัยพึงระวังเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสหรัฐและแนวโน้มการ
ชะลอตัวของการจ้างงาน
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้ออกโรงเตือนถึงผลกระทบอันใหญ่หลวง หากสงครามการค้าระหว่าง
สหรัฐและจีนยืดเยื้อและลุกลามออกไปมากกว่านี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ