(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.29 แข็งค่ารับเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง มองกรอบวันนี้ 32.25-32.35

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 1, 2018 14:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.29 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.34 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า หลังนักลงทุนคาดการณ์ว่าคณะ กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้

"เงินบาทแข็งค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ หลังมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดหุ้นและตลาด พันธบัตรถึงแม้จะมีปริมาณไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า กนง.จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้"" นักบริหาร เงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบเงินบาทในวันที่ไว้ระหว่าง 32.25-32.35 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (28 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.25947% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.40081%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.2150 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.93 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 113.50 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1596 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1622 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.3820 บาท/
ดอลลาร์
  • กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าต่างประเทศ ยอดส่งออก นำเข้า และดุลการค้าประจำเดือนกันยายน 2561
  • ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (1-5 ต.ค.) โดยที่ 32.30-32.60 บาทต่อ
ดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนก.ย. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์
ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ค่าจ้าง ผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและ
ภาคบริการในเดือนก.ย. นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ถ้อยแถลงของประธาน
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ตลอดจนตัวเลข PMI ของประเทศในยุโรป และจีนด้วยเช่นกัน
  • คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในไตรมาสสี่จึงไม่จำเป็นที่
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องรีบปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วงปลายปี แม้นธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยอีกในช่วงเดือนธันวาคม ก็จะไม่มีผลต่อกระแสเงินไหลออกมากนัก
  • "แบงก์พาณิชย์" ยอมรับ "เอ็นพีแอล" สินเชื่อบ้านยังไหลไม่หยุด"ไทยพาณิชย์" ชี้หนี้เสียส่วนใหญ่ไหลจากกลุ่มปรับ
โครงสร้างหนี้ที่ตกชั้นซ้ำซ้อน ด้าน "กสิกร" เผยกลุ่มอาชีพอิสระกู้ซื้อบ้านทำออฟฟิศหนี้เสียสูง ขณะ "กรุงศรี" ห่วงดีมานด์เทียมจาก
โฆษณาชวนเชื่อลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยปล่อยเช่าได้ผลตอบแทนสูง หนุนธปท. ออกมาตรการคุม
  • รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ประกาศรายชื่อบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติเป็นตัวแทนคืน
ภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมืองแล้ว โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือกเพียง 1 ราย คือ บริษัท เคาน์เตอร์
เซอร์วิส จำกัด จากบริษัทที่ยื่นสมัครมาทั้งหมด 3 ราย และจะเริ่มให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่นักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.
61 นี้เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นการใช้จ่ายจากชาวต่างชาติ
  • ธปท.ห่วงพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนระบาดในกลุ่มผู้สูงอายุถูกชวนลงทุนความเสี่ยงสูง โดยใช้ผลตอบแทนสูง
กว่าดอกเบี้ยเงินฝากจูงใจ
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศเดินหน้านโยบายการเงินแบบรอบคอบและเป็นกลางต่อไป พร้อมรักษาสภาพคล่อง
ให้อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลและเพียงพอ
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่นซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และสินค้า
อิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาส เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้ง
ผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 100.1 ในเดือนก.
ย. เมื่อเทียบกับตัวเลขเบื้องต้นที่ 100.8 หลังจากแตะระดับ 96.2 ในเดือนส.ค.

ผลการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีมุมมองเชิงบวกต่อรายได้และการจ้างงานในอนาคต

  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ใน
เดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากที่ขยายตัว 0.4% ในเดือนก.ค.
  • นักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน โดยหวั่นว่าสงครามการ
ค้าจะลุกลามบานปลาย หลังจากล่าสุดสหรัฐกล่าวหาว่าจีนพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่จะจัดขึ้นในเดือนพ.ย.
นี้ ซึ่งจีนก็ได้ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐยุติการใช้ถ้อยคำและการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งผล
ประโยชน์พื้นฐานของประชาชนทั้งสองประเทศ
  • นักลงทุนจับตาสถานการณ์ด้านงบประมาณของอิตาลีอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดมีรายงานว่า รัฐบาลอิตาลีภายใต้การนำ
ของพรรคไฟว์ สตาร์ และพรรคเดอะ ลีก เห็นพ้องให้มีการกำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปีหน้าไว้ที่ 2.4% ของตัวเลข
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลชุดก่อนถึง 3 เท่า และคาดว่าจะทำให้สหภาพยุโรป (EU)
แสดงความไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะทำให้อิตาลีมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นไปอีก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ