ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.24 แข็งค่าสวนทางภูมิภาคจากเม็ดเงินไหลเข้ายังหนุน ตลาดรอดูตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 1, 2018 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.24 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เปิดตลาดเช้าที่ระดับ 32.29 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทลงไปต่ำสุดในรอบสามเดือนครึ่งที่ระดับ 32.21 บาท/ดอลลาร์ โดย เคลื่อนไหวในกรอบ 32.21-32.30 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากเงินบาทได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาดีเกินคาด และมีเงิน ทุนต่างประเทศไหลเข้ามาต่อเนื่อง

"บาทแข็งค่าต่อเนื่องสวนทางกับภูมิภาค หลังตัวเลขเงินเฟ้อออกมาดีเกินคาด และยังมี flow ไหลเข้ามาตลอด" นัก
บริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 32.20-32.30 บาท/ดอลลาร์

"คืนนี้รอดูตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ของสหรัฐ ถ้าออกมาดีก็ จะช่วยชะลอบาทไม่ให้แข็งค่าไปมากกว่านี้" นักบริหารเงิน กล่าว

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.01 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.93 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1616 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1596 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,760.47 จุด เพิ่มขึ้น 4.06 จุด, +0.23% มูลค่าการซื้อขาย 53,440 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อ 476.05 ล้านบาท(SET+MAI)
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มี
แนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.10-32.50 ต่อดอลลาร์ ยังคงติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความผันผวนของ
อัตราแลกเปลี่ยน ในภาวะเช่นนี้คาดว่านักลงทุนจะเพิ่มความระมัดระวัง
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือน
ก.ย.61 สูงขึ้น 1.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในลักษณะที่ชะลอตัว แต่ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อยังสูงขึ้นต่อ
เนื่องเป็นเดือนที่ 15 มีสาเหตุสำคัญจากราคาสินค้าในหมวดพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 22 โดยราคาสินค้าในหมวด
พลังงาน เพิ่มขึ้น 8.10% ในขณะที่ราคาสินค้าในหมวดอาหารสดลดลง 1.16% ตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศ และการปรับ
เปลี่ยนแผนการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสถานการณ์
  • รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลังว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้รายงาน
ภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทยว่าสามารถขยายตัวได้ทุกภาคส่วน

พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ผู้บริการกระทรวงการคลังเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2562 ให้ได้ตามเป้าหมาย และเร่ง ดำเนินการรับจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้หมด เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับกระทรวงหรือหน่วยงานอื่นๆ ทำให้ได้ทั้งหมด โดยทุกหน่วยงาน ของกระทรวงการคลังจะเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้ว่าปีหน้าจะมีการเลือกตั้งใหม่ก็ยังทำงานเต็มที่ไม่มีใครหยุดหรือเกียร์ว่าง

  • โฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวัน
ที่ 28 กันยายน 2561 มีการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมได้ 2,667,073 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 2,900,000 ล้านบาท
หรือคิดเป็น 92% ต่ำกว่าปีก่อน 2.6% (ปีงบประมาณ 2560 เบิกจ่ายได้ 94.6%)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนก.ย.61 อยู่ที่ระดับ 51.5 ทรง
ตัวใกล้เคียงจากเดือนก่อน โดยองค์ประกอบของดัชนีส่วนใหญ่มีระดับใกล้เคียงเดือนส.ค. ยกเว้นความเชื่อมั่นด้านการลงทุนที่ปรับเพิ่ม
ขึ้นจากผู้ประกอบการ ทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตเหล็กและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ความเชื่อ
มั่นด้านต้นทุนลดลงจากเดือนก่อนทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต สอดคล้องกับราคาพลังงานที่ผันผวนมากขึ้น และผู้ประกอบ
การเห็นว่าต้นทุนการผลิตสูงยังเป็นข้อจำกัดทางธุรกิจสำคัญในเดือนนี้ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่มีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนลดลงมาก เช่น ผู้
ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจขนส่งและคมนาคม
  • แคนาดาและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกับเม็กซิโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยข้อตกลงฉบับใหม่ หรือข้อ
ตกลงการค้าเสรีอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) เป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ได้รับการแก้ไขให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับศต
วรรษ์ที่ 21
  • คณะกรรมการด้านภาษีศุลกากรแห่งรัฐสภาจีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจำนวน 1,585
รายการ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ ขณะที่ทางการจีนยังคงเดินหน้าเปิดตลาด โดยอัตราภาษีสินเค้าเหล่านี้จะปรับลดลง
จากระดับ 10.5% ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.8%
  • จีนได้ยกเลิกการจัดการประชุมด้านความมั่นคงกับนายจิม แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่ง
จากเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนต.ค.
  • ตลาดการเงินจับตาสถานการณ์การเมืองในอิตาลีอย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐบาลอิตาลีได้ขยายเป้าหมายการขาดดุลงบ
ประมาณในปี 2562 เพื่อหนุนนโยบายจากแคมเปญการเลือกตั้ง ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกตกอยู่ใน
ภาวะตื่นตระหนกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ