ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.37/39 อ่อนค่าจากช่วงเช้าหลังดอลล์แข็งค่า-เงินไหลออก คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.30-32.50

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 2, 2018 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.37/39 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.33 บาท/ดอลลาร์

เย็นนี้เงินบาทปรับอ่อนค่าจากที่เปิดตลาดในช่วงเช้า โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากเงินทุนไหลออก ซึ่งเป็นการทำกำไรชั่ว คราว นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากที่ตลาดคลายความกังวลว่าฐานการผลิตรถยนต์จะย้ายไปอยู่ที่เม็กซิโก ซึ่งหลังจากที่สหรัฐอเมริกา- แคนาดา-เม็กซิโก สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรี USMCA ได้แล้ว จึงทำให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า

"บาทที่อ่อนค่าในวันนี้ เป็นเพราะดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก มีข้อตกลงทางการค้าร่วมกัน ได้ จึงทำให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ไปเม็กซิโก ขณะที่ในบ้านเรามี flow ออก แต่เป็นแค่การทำ กำไรชั่วคราวเท่านั้น" นักบริหารเงินระบุ

อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์นี้ยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อค่าเงินมากนัก โดยตลาดรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของ สหรัฐฯ เดือนก.ย.ที่จะมีการรายงานในคืนวันศุกร์นี้

นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30 - 32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.73 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.88 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1515 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1572 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,748.09 จุด ลดลง 12.38 จุด (-0.70%) มูลค่าการซื้อขาย 64,224 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,171.48 ลบ.(SET+MAI)
  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ
ไทยในช่วงที่เหลือของปี 61 โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มขยายตัว แต่อาจไม่สูงเท่าช่วงครึ่งปีแรก จากผลของ
ปัจจัยฐานเปรียบเทียบซึ่งคาดว่าจะทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวเติบโตในระดับที่ชะลอลง
  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตในระดับ 3.3% ส่วนในปี 62 คาดว่าจะเติบโตได้ 3.1% โดยมี
แรงหนุนจากการเติบโตในระดับที่สูงกว่าปกติของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว และการเติบโตของ
เศรษฐกิจจีนที่ยังคงแข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญกับสงครามทางการค้าอย่างต่อเนื่อง แต่การเคลื่อนย้ายของเงินทุนในตลาดโลกน่าจะมีความ
ผันผวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศในระดับสูงและมีกรอบการดำเนิน
นโยบายที่อ่อนแอกว่า อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยน่าจะสามารถรับมือกับความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจโลกดังกล่าวได้ เนื่องจาก
การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงและการรักษาฐานะทางการคลังให้อยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่รุนแรงขึ้นอาจจะส่งผลร้ายต่อระบบเศรษฐกิจที่พึงพิงการค้าระหว่าง ประเทศ (open economies) ซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้ประมาณการการเติบโตของ เศรษฐกิจในปี 62 ปรับตัวลดลง

  • มูดี้ส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า ระบบธนาคารของจีนจะมีเสถียรภาพในช่วง 12-
18 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพ โดยมูดี้ส์พิจารณาจากภาวะเศษฐกิจของจีนที่มีการขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากจากนโยบายแบบผ่อนคลาย และการเปลี่ยนผ่านของโครงสร้างเศรษฐกิจไปยังภาคส่วนที่มีมูลค่า
เพิ่มขึ้น
  • ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องให้ประเทศทั่วโลกลดระดับความรุนแรงของข้อพิพาท
การค้า และหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว
  • รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐกล่าวว่า การที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับเม็กซิโกและแคนาดา
นั้น จะช่วยสร้างงานหลายแสนตำแหน่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐ
  • นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ประกาศปรับคณะรัฐมนตรีในวันนี้ โดยที่นายทาโร่ อาโสะ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การคลัง และนายทาโร่ โคโนะ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่อไปตามเดิม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ