ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงขึ้นกระทบเงินเฟ้อปี 62 เพิ่ม 0.7-1.1% กดดัน GDP 0.2-0.4%

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 5, 2018 18:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เร่งตัวสูงขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2561 อย่างจำกัด โดยทิศทางราคาน้ำมันดิบดูไบจะมีโอกาสเข้าใกล้ระดับ 85 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ จากที่มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เงินเฟ้อในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เร่งตัวขึ้นกว่าที่ประเมินไว้บ้าง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้เงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี อาจจะสูงกว่าที่ประเมินไว้บ้าง แต่มาตรการตรึงราคาพลังงานของภาครัฐจะช่วยลดทอนผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกลง ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงมุมมองอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2561 ไว้ที่ 1.1% และการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ 4.6%

ในขณะที่ผลกระทบในปี 62 ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยที่ 85 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2562 จะเพิ่มขึ้นระหว่าง 0.7-1.1% ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐในการตรึงราคาพลังงาน และผลกระทบต่อ GDP อยู่ที่ 0.2-0.4%

ทั้งนี้นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2561 สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเร่งตัวขึ้นสูงที่สุดในรอบ 4 ปี โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยืนเหนือระดับ 85 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้มีความกังวลว่าราคาน้ำมันดิบจะกลับเข้าไปสู่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งการเร่งตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เป็นผลมาจากข้อจำกัดด้านอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกหลายประการ ทั้งกำลังการผลิตในเวเนซุเอลลาที่หายไปจากปัญหาเศรษฐกิจภายใน มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจากสหรัฐฯ ที่จะมีผลวันที่ 4 พ.ย.61 คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกหายไปราว 1.5-1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่การเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐฯ ยังเผชิญข้อจำกัดทางด้านท่อลำเลียงขนส่งน้ำมันออกจากแหล่งผลิต ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในปี 2562-2563 จึงทำให้สหรัฐฯ ยังไม่สามารถเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบในปริมาณมากออกสู่ตลาดในระยะอันสั้นนี้ได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอนจากความสามารถในการเพิ่มกำลังการผลิตของผู้ผลิตหลัก ซึ่งจะเป็นตัวแปรที่กำหนดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงจะยืดเยื้อนานเพียงใด ในกรณีที่ประเมินว่าระดับราคาน้ำมันที่สูงเป็นผลระยะสั้น การดำเนินนโยบายตรึงราคาพลังงานผ่านการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อช่วยลดผลกระทบจากภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นต่อผู้ใช้พลังงานอาจจะทำได้ หากเงินกองทุนฯ มีเพียงพอ อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงนานกว่าที่ประเมิน จะส่งผลกระทบต่อฐานะเงินกองทุนน้ำมันให้ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องมีการชั่งน้ำหนักระหว่างผลบวกในระยะสั้นและผลกระทบในระยะยาว

ทั้งนี้ ในกรณีที่ค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบในปีหน้าอยู่ที่ 85 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับกรณีฐานที่ให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2562 อยู่ที่ 75 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ การส่งผ่านผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมายังตะกร้าเงินเฟ้อขึ้นอยู่กับนโยบายการตรึงราคาพลังงานของภาครัฐ ในกรณีที่มีการตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 30 บาท/ลิตร และก๊าซ LPG ไว้ที่ 363 บาท/ถัง จะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นอีก 0.7% ส่วนในกรณีที่มีการทยอยปรับราคาน้ำมันดีเซล และก๊าซ LPG ให้สะท้อนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นอีก 1.1%

"ในประเด็นของเงินเฟ้อในปีหน้า นอกจากเรื่องราคาน้ำมันที่จะมีผลต่อเงินเฟ้อแล้ว ยังต้องติดตามเรื่องภาวะภัยแล้งที่อาจจะมาเร็วกว่าที่คาด ซึ่งจะมีผลต่อราคาพืชผลเกษตรให้ปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลต่อเงินเฟ้อในปีหน้าอีกทางหนึ่ง" เอกสารเผยแพร่ระบุ

โดยรวมแล้ว ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะอยู่ที่ 0.2-0.4% ผ่านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และดุลการค้าของไทยที่ลดลง ทั้งนี้ ดุลการค้าที่ลดลงมาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่านำเข้าสุทธิน้ำมันของไทย (มูลค่านำเข้าน้ำมันดิบหักออกด้วยมูลค่าส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป) แต่ในขณะเดียวกัน มูลค่าการส่งออกในสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน เช่น เคมีภัณฑ์ และพลาสติก ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ