นายฮิเดโอะ ซูรุมากิ ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่น-ไทยและเป็นผู้ผลิตยานยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าขนาดเล็ก เปิดเผยว่า บริษัทได้เลือกประเทศไทยในการตั้งโรงงานเพื่อเป็นฐานการผลิตยานยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับตลาดในประเทศและเพื่อการส่งออก โดยมีมูลค่าลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ โรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี มีกำลังการผลิตประมาณ 10,000 คันต่อปี โดยคาดว่ารถคันแรกที่ออกจากสายพานการผลิต ภายใต้แบรนด์ FOMM จะสามารถส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ในเดือน ก.พ.62 จากที่ปัจจุบันมียอดจองเข้ามาแล้ว 355 คัน
รถยนต์ไฟฟ้า FOMM One ถือเป็นรถรุ่นแรกที่ออกแบบโดยทีมงานวิศวกรญี่ปุ่นและผลิตในประเทศไทย โดยเป็นยานยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้า 4 ที่นั่งที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยจะจำหน่ายในราคา 664,000 บาท โดยมีบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรกของบริษัท
นายธนานันต์ กาญจนคูหา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายการขายในปีแรกราว 2,500 คัน และเพิ่มเป็น 10,000 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 1% ของตลาดรวมที่ราว 1 ล้านคัน/ปีภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถแข่งขันได้เพราะบริษัทนับเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายแรก ๆ ของประเทศ และเริ่มทำการตลาดก่อนค่ายรถยนต์ใหญ่ ๆ ซึ่งน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
สำหรับโรงงานผลิตของบริษัท ปัจจุบันได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากคณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รอเพียงการอนุมัติจากคณะกรรมการบีโอไอชุดใหญ่ต่อไป โดยขณะนี้ได้เริ่มทดสอบสายการผลิตของโรงงานบ้างแล้วและคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้จริงในช่วงเดือนม.ค.62 โดยใช้ชิ้นส่วนจากภายในประเทศ 75% โดยเฉพาะชิ้นส่วนหลักอย่างแบตเตอรี่ลิเทียม ไอออน ที่จะซื้อจากโรงงานของ Beta Solution Energy ซึ่งเป็นผู้ได้รับไลเซนส์การผลิตจากสิงคโปร์ โดยโรงงานแบตเตอรี่ดังกล่าวจะนำเริ่มการผลิตในเดือนธ.ค.61
นอกจากนี้การลงทุน 1 พันล้านบาทสำหรับการตั้งโรงงานแล้ว บริษัทจะยังคงดำเนินการต่อเนื่องอีก 200 ล้านบาทในส่วนของเครือข่ายการขายและบริการ โดยวางเป้าหมายการขายในปีแรกจะเน้นการขายกลุ่ม Fleet รถยนต์ขององค์กร ประมาณ 80% อย่างกฟภ. และอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดด้วย ขณะเดียวกันก็วางแผนการขายให้กับบุคคลทั่วไป โดยเตรียมที่จะออกบูธงาน Motor Expo 2018 ในช่วงปลายปีนี้ และงาน Motor Show 2019 ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.62
ปัจจุบันบริษัทมีเพียงบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรก แต่ก็อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติม โดยวางเป้าหมายจะมีดีลเลอร์ราว 10 แห่งภายใน 1 ปีข้างหน้า
ด้านการบริการหลังการขายนั้น เบื้องต้นบริษัทจะยังไม่จัดตั้งศูนย์บริการด้วยตัวเอง เนื่องจากเห็นว่าในระยะ 3 ปีแรกการซ่อมบำรุงรถยนต์ของบริษัทจะมีไม่มากนัก ประกอบกับรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้มีเครื่องยนต์ที่ต้องดูแลมาก ในช่วงแรกบริษัทก็อยู่ระหว่างเจรจากับศูนย์บริการหลักอย่าง "บี ควิก" และ "ACT" เพื่อให้เป็นตัวแทนศูนย์บริการของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในเร็ววันนี้
นายธนานันต์ กล่าวว่า การตั้งโรงงานในไทยครั้งเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยจะเน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก ก่อนจะเริ่มส่งออกในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยวางเป้าหมายการขายในประเทศ 60% และส่งออก 40% โดยเน้นตลาดกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม และในอนาคตก็วางแผนการผลิตเพิ่มเป็นระดับ 30,000 คันต่อปีในอนาคต ท่ามกลางความการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมีสถานีชาร์ตไฟฟ้าอยู่ราว 300 แห่งทั่วประเทศ
"สเป็กรถคันนี้เหมาะสำหรับการใช้ในเมืองอย่างมาก เพราะการชาร์จประจุไฟฟ้าจาก 0-100 จนเต็มหนึ่งรอบ ประมาณ 6 ชั่วโมงนั้น จะสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอต่อใช้รถหนึ่งวัน และที่สำคัญ หากคำนวณค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรแล้ว ถือว่าน้อยมากเพียง 30 สตางค์ต่อกิโลเมตร"นายธนานันต์ กล่าว
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า FOMM One มีขนาด 2,585x1,295x1,560 mm. ด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 445 กิโลกรัม (ไม่รวมแบตเตอรี่) และมีขนาดบรรทุก 400 กิโลกรัม ติดตั้งมอเตอร์แบบ In-Wheel ขนาด 5kWx2 แต่มีแรงบิดถึง 560 Nm. ความจุแบตเตอรี่ 12 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยจุดเด่นของรถยนต์ถูกออกแบบให้ลอยน้ำได้ โดยรถยนต์สามารถลุยน้ำได้ประมาณ 0-60 เซนติเมตร แต่ถ้าสูงเกินกว่า 70 เซนติเมตรก็จะลอยขึ้นตามระดับน้ำ ส่วนรายเอียดของเงื่อนไขการรับประกันนั้นอยู่ระหว่างเจรจารายละเอียด และจะเปิดเผยในเร็ว ๆ นี้