นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต หลักการคือจะประกอบด้วยการช่วยเหลือ 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสำหรับซื้อปุ๋ย 50 บาทต่อตัน ส่วนที่สองชาวไร่อ้อยกับโรงงานช่วยเหลือตัวเองโดยมีการนำส่งเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวไร่อ้อยเป็นประจำ ก็จะใช้เงินส่วนนี้มาอุดหนุนค่าปุ๋ย 70 บาทต่อตัน รวมแล้ว 120 บาทต่อตัน โดยจะร่วมมือกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)โดยคาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยที่จะได้รับประโยชน์ 340,000 ราย โดยจะจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวไร่โดยตรง
กระทรวงฯ ได้นำเสนอมาตรการดูแลชาวไร่อ้อยในโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต เนื่องจากในระหว่างที่อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลอยู่ระหว่างกำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างของระบบ แต่ราคาตลาดโลกตกต่ำพอสมควรเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา วันนี้มาอยู่ที่ตันละ 680 บาทจาก 900-1,000 บาทต่อตันซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรในการที่ราคาลงมาและอยู่ในช่วงปรับตัว
"ถ้าราคาตลาดโลกอยู่ที่ 680 บาทต่อตันอย่างที่คาด บวกเงินช่วยเหลือค่าปุ๋ยอีก 120 บาทต่อตัน บวกค่าคุณภาพน้ำตาลอีกก็จะสามารถทำให้ชาวไร่อ้อยอยู่ได้ในช่วงนี้ จะได้เดินหน้าปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เดินหน้าปรับปรุงยกระดับประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมนี้ได้...การที่ ครม.เห็นชอบในวันนี้ถือว่าช่วยทุกคน ไม่ได้ช่วยแต่กลุ่มหรือตัวใหญ่"
ด้านนายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า เบื้องต้นกำหนดเงื่อนสำหรับเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่จะร่วมโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต ไม่เกิน 5 พันตันต่อราย ขณะที่ประมาณการผลผลิตอ้อยในปี 61/62 ไว้ที่ 130 ล้านตันอ้อย คิดเป็นเงินงบประมาณที่จะช่วยเหลือเกษตรกรประมาณ 6,500 ล้านบาท