บอร์ด สสว.อนุมัติงบ 1.2 พันลบ.ใช้ในปี 62-ปรับนิยามวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 12, 2018 18:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ที่ประชุม สสว.วันนี้มีมติเห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประจำปี 2562 แผนการดำเนินงาน แผนการเงินและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ภายใต้แผนบูรณาการพัฒนาผู้ประกอบการ เศรษฐกิจชุมชน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสู่สากล จำนวน 1,234.71 ล้านบาท เป็นเงินงบประมาณ จำนวน 974.7077 ล้านบาท และเงินงบประมาณจากกองทุน สสว. อีกจำนวน 260 ล้านบาท เพื่อเป็นงบประมาณสำหรับการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ตามแผนยุทธ์ศาสตร์ 4 ด้านของ สสว. ปี 2562 ในการส่งเสริม SME ของประเทศ

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดจำนวนการจ้างงานหรือรายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ... เพื่อใช้ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการส่งเสริม สนับสนุน และช่วยเหลือผู้ประกอบการ จากเดิมที่ได้กำหนดนิยามวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎกระทรวงได้กำหนดจำนวนการจ้างงานและมูลค่าสินทรัพย์ถาวรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2545 ไว้คือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีจำนวนแรงงงาน 50-200 คน สินทรัพย์ถาวรไม่รวมที่ดิน 50-200 ล้านบาท

ที่ผ่านมา สสว.ได้ดำเนินการทบทวนและกำหนดนิยามวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมใหม่ โดยพิจารณาจากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อาทิ จำนวนการจ้างงาน มูลค่าทรัพย์สินถาวร (ไม่รวมที่ดิน) รายได้ ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ การพิจารณาถึงข้อดีและข้อจำกัดของเกณฑ์ต่างๆ การศึกษานิยาม SME ของต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีโครงสร้างของจำนวน SME ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าการกำหนดนิยามส่วนใหญ่จะมีการกำหนดนิยามของวิสาหกิจรายย่อย (Micro Enterprise) ไว้ด้วย และเกือบทุกประเทศจะกำหนดนิยามวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโดยใช้เกณฑ์การจ้างงานหรือรายได้กิจการ

พร้อมกันนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จำนวน 16 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน เพื่อดำเนินโครงการต้นแบบการแก้ไขปัญหาความยากจน จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่และมีข้อสั่งการให้ สสว. ดำเนินการส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากอาหาร การพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรอย่างครบวงจรและเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรสู่ผลิตภัณฑ์อาหารอนาคต (Future Food)

ตามโครงการนี้ สสว.ได้มีการดำเนินการแล้วภายใต้โครงการปั้นดาว ซึ่งเป็นโครงการบูรณาการความร่วมมือของ 8 หน่วยร่วมดำเนินการ ประกอบด้วย สสว. สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท. จำกัด(มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีสินค้าเกษตรที่นำมาเพิ่มมูลค่า ประกอบด้วย ถั่วลายเสือ กระเทียม งา และบุก

นอกจากนี้ ยังมีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้ สสว. ส่งเสริม วิจัย และพัฒนาการปลูกพืชบุกและเงินทุนสำหรับการปลูกพืชบุก รวมทั้งให้พัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากการเกษตร และจัดหาช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ให้กับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ อาทิ กล้วยตาก กาแฟ กระเทียม ซึ่ง สสว.ได้ดำเนินการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดทำเป็นโครงการต้นแบบแก้ไขปัญหาความยากจน จ.แม่ฮ่องสอน

พร้อมทั้งเห็นชอบปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการตามมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับ SME ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน งบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 110 ล้านบาท จากวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการในระยะแรกจำนวน 150 ล้านบาท รวมเป็น 260 ล้านบาท ในกลุ่มเป้าหมาย SMEs 5,000 ราย โดยเพิ่มวงเงินการซื้อประกันความเสี่ยง FX Options จาก 30,000 บาทต่อราย เป็น 50,000 บาทต่อราย และเน้นเพิ่มการอบรมรูปแบบ Online (E-learning) ควบคู่ไปกับการบรรยายสด และการอบรมด้วย VDO รวมทั้งนำเสนอโปรโมชั่นสำหรับ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการในระยะต่อไป ในการลดค่าธรรมเนียมครึ่งราคาสำหรับประกันการส่งออก

สำหรับแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไปจะขยายการดำเนินงานโครงการให้ครอบคลุมองค์ความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy) ด้านอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับ SMEs โดย Financial Literacy จะเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ด้านการเงิน จากข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน/สมาคม และสถาบันการเงินต่างๆ และบูรณาการการประชาสัมพันธ์ให้อยู่ในที่เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้ SMEs เข้าถึงบริการทางการเงินและองค์ความรู้ต่างๆ โดยการให้ความรู้ภายใต้โครงการฯ แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้านการเงินและภาษี และด้านการเงินสำหรับการค้าระหว่างประเทศ สำหรับโครงการตามมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในระยะต่อไป จะเป็นส่วนหนึ่งภายใต้โครงการ Financial Literacy นี้ด้วย

นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า คณะกรรมการ สสว.วันนี้ได้มีการหารือถึงการส่งเสริมการจัดทำรูปแบบการเข้าถึงดิจิทัล เพื่อให้ทาง SME เข้ามาใช้บริการ รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่นของ SME BANK ซึ่งเป็นการบริการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และบริการทางการเงิน จะทำให้ทุกSME เข้าถึงข้อมูลทางมือถือ และเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้มีการรายงานตัวเลขสินเชื่อตั้งแต่ปี 58 จนถึงเดือน ก.ย.61 มีการเบิกจ่ายเงินสินเชื่อของ SME ไปแล้ว 116,000 ล้านบาท คิดเป็น SME จำนวน 43,000 ราย และทาง SME BANK ได้มีการประเมินว่า สามารถสร้างทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 580,000 ล้านบาท ซึ่งจากข้อมูลยังมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงกลุ่ม SME ได้มากกว่านี้ หรือประมาณล้านรายตามแผนงานที่รัฐวางไว้

โดยทาง สสว.ได้เสนอแผนปฎิบัติงานในการส่งเสริม SME BANK ในช่วงปี 62-64 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เน้นเรื่อง Productivity ให้เข้าถึงและครอบคลุมกลุ่มเกษตรและวิสาหกิจชุมชนมากขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาปรับนิยามกลุ่มเอสเอ็มอีต่างๆ โดยให้เพิ่มกลุ่มไมโครเอสเอ็มอี นอกเหนือจากกลุ่มคนตัวเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ พร้อมทั้งปรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากเดิมให้เกณฑ์ของขนาดทรัพย์สินและการจ้างงานเป็นหลัก แต่ปรับเป็นในการจ้างงาน กับเรื่องของรายได้ มาวัดขนาดของเอสเอ็มอีทั้ง 4 กลุ่ม เพื่อให้ภาครัฐสามารถออกนโยบายให้ตรงกับความต้องการและให้เข้าถึงวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มไมโครอยู่ 86.9% กลุ่มคนตัวเล็ก(small) 11% กลุ่มขนาดกลาง 1.4% และกลุ่มขนาดใหญ่ 0.7%

โดยนายกกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า อยากให้ทาง สสว.มีการพัฒนาช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กให้มากยิ่งขึ้น โดยให้มีการรายงานผลความคืบหน้าทุกๆ 3 เดือน

สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานปี 2561 นั้น ผลงานโครงการต่างๆ สำคัญที่ สสว. ดำเนินการสามารถสร้างมูลค่า/รายได้ รวม 4,190 ล้านบาท จาก 4 โครงการ คือ 1.โครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SME 110 ล้านบาท ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อเข้าสู่ตลาด 125,046 ผลิตภัณฑ์ 2.โครงการพัฒนาช่องทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการ SME 2,600.54 ล้านบาท (จากกิจกรรมตลาดในประเทศ 981.04 ล้านบาท กิจกรรมตลาดต่างประเทศ 1,619.50 ล้านบาท) 3.โครงการพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด (SME Provincial Champion) ในการก้าวสู่ Thailand 4.0 680.5848 ล้านบาท

และ 4.โครงการพัฒนาเครือข่าย SME ปี 2560 ได้พัฒนาผู้ประกอบการใน 34 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายกล้วย มะพร้าว สมุนไพร มวยไทย Food Truck และ Digital Content จำนวนทั้งสิ้น 4,538 ราย สร้างรายได้กว่า 700 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดการขยายผลโดยมีผู้นำเครือข่ายจำนวน 106 ราย โดยการดำเนินงานได้ครอบคลุมธุรกิจเกษตรเป็นกลุ่มต้นน้ำถึง 3,000 ราย กลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อมที่อยู่กลางน้ำและปลายน้ำอีก 1,538 ราย เช่น กลุ่มสมุนไพรที่สามารถต่อยอดนำงานวิจัยมาสู่การผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสามารถส่งออกได้ โดยเฉพาะกลุ่ม Digital Content ที่สามารถส่งออกไปยังตลาดเกาหลีโดยได้รับยอดขายกว่า 100 ล้านบาท

รวมถึงการนำผู้ประกอบการ 3 ราย ที่ได้รับรางวัลสุดยอดเอสเอ็มอีแห่งชาติ (SME National Awards) เข้าร่วมประกวดและจัดแสดงในงาน Silicon Valley International Invention Festival 2018 (SVIIF 2018) ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยผู้ประกอบการไทยคว้ารางวัลมาได้ถึง 3 รางวัล 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน จากจำนวนผู้ประกอบการทั่วโลกที่ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 300 ผลงาน จาก 35 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ สสว.ได้จัดทำเว็บไซต์ SME ONE ขึ้นให้เป็นช่องทางการเข้าถึงข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ SME ในทุกมิติ และได้พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม Application SME CONNEXT เพื่อใช้ในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SME อีกด้วย

ส่วนผลการดำเนินงานของ สสว.ที่ผ่านมาในปี 2559-2561 ได้ดำเนินการขับเคลื่อน SME ภายใต้แผนบูรณาการ SME โดยดำเนินงานร่วมกับ 9 กระทรวง และ 25 หน่วยงาน ก่อให้การเพิ่มผลิตภาพและมูลค่าผลิตภัณฑ์ ดังนี้ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 17,273 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การลดต้นทุนการผลิต 13,842 ล้านบาท ลดของเสียในการผลิต 3,431 ล้านบาท เพิ่มผลผลิต 8,986 กิจการ มูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้น 25,438 ล้านบาท เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์/ต่อยอดเชิงผลิตภัณฑ์ 240,547 ผลิตภัณฑ์ เกิดการจ้างงานใหม่ 14,994 ราย


แท็ก นิยาม   สสว.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ