(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.61 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซบเซา มองกรอบวันนี้ 32.55-32.70

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 16, 2018 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.61 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวัน ศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.76 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้กลับมาแข็งค่าขึ้นจากวันศุกร์ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดีนัก ประกอบกับเรื่องการ เมืองภายในของสหรัฐเอง จึงทำให้เงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ อย่างไรก็ดี คาดว่าวันนี้เงินบาทจะยัง เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ

"บาทร่วงลงมา เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่ค่อยดี นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเมืองในสหรัฐเอง จึงทำให้ ดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่า" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.70 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (12 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.18382% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.29031%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.6550 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.90/94 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 112.29 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1585 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1580 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.700 บาท/ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (15-19 ต.ค.) ที่ 32.50-32.90
บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ตลาดรอติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน รายงานนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
ของประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด และบันทึกการประชุมเฟด (25-26 ก.ย.)

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ยอดค้าปลีก, ยอดขายบ้านมือสอง, ผลผลิตภาค อุตสาหกรรม, ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือน ก.ย., ผลสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียล ดัชนีภาวะตลาดบ้านเดือนต.ค. รวมถึงข้อมูลยอดถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของต่างชาติเดือน ส.ค. นอกจากนี้ ตลาดใน ประเทศอาจรอติดตามผลประกอบการไตรมาส 3/2561 ของ บจ. และสัญญาณเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติมด้วย เช่นกัน

  • "สนธิรัตน์" สั่งการทูตพาณิชย์ลุยหาตลาด ส่งออก ห้ามเกียร์ว่างช่วงสุญญากาศทางการเมือง เพื่อไม่ให้ประเทศเสีย
โอกาสทางการค้า ก่อนรายงานแผนและเป้าหมายการ ส่งออกให้ "สมคิด" พิจารณา 18 ต.ค.นี้ เผยตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
พร้อมอัดฉีดงบเพิ่ม ส่วนตลาดที่ชะลอตัว ต้องวางแผนแก้ไข ชี้ต้องเร่งขยายตลาดสินค้าเกษตร ร้านอาหารไทย และช่วย SMEs ส่ง
ออกให้ได้เพิ่มขึ้น
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ต.
ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ย.
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ
เพิ่มขึ้น 0.6% โดยยอดค้าปลีกที่ซบเซาในเดือนก.ย.เป็นผลมาจากการลดลงอย่างมากของยอดขายที่ร้านอาหารและบาร์ แม้ยอดขาย
รถยนต์จะดีดตัวขึ้นก็ตาม
  • กระทรวงการคลังสหรัฐ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณในปีงบฯ 2561 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.
ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.99 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 โดยรายจ่ายของรัฐบาลพุ่งขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปี
งบประมาณก่อนหน้า ขณะที่รายรับของรัฐบาลขยายตัวเพียง 0.4%
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.3 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิด
ที่ 1230.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลง
ทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดิอาระ
เบีย จากกรณีการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักข่าวชาวซาอุฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ลงโทษอย่างรุนแรงต่อซาอุฯ หากพบ
ว่าอยู่เบื้องหลังการหายตัวของนักข่าวรายนี้ ด้านซาอุฯ ลั่นพร้อมตอบโต้รุนแรงกว่าหากถูกคว่ำบาตร
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.,

ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.

ย. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 25-26 ก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ