ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.58 ระหว่างวันแกว่งแคบ เคลื่อนไหวตามภูมิภาค มองกรอบพรุ่งนี้ 32.55-32.65

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 18, 2018 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.58 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวใน ระดับเดียวกันกับเปิดตลาดเช้า โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.57-32.65 บาท/ดอลลาร์

"บาทแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เคลื่อนไหวตามภูมิภาค โดยกลับมาแข็งค่าปิดที่ระดับเดียวกับช่วงเปิดตลาดเมื่อเช้า" นัก
บริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.65 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 112.53 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.54/57 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1522 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1496/1498 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,682.91 จุด ลดลง 12.13 จุด,-0.72% มูลค่าการซื้อขาย 46,194.76 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,156.83 ล้านบาท(SET+MAI)
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เห็นชอบกับเป้าหมายการส่งออกในปี 2562 ตามที่กระทรวงพาณิชย์
เสนอ ที่การขยายตัว 8% คิดเป็นมูลค่า 276,011 ล้านดอลลาร์ฯ โดยเป้าหมายส่งออกดังกล่าว มาจากการประชุมร่วมกันระหว่าง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จาก 64 แห่งทั่ว
โลก
  • รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 61 มูลค่าส่งออกไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 8% แน่นอน ส่วนปี 62 เป้าหมาย 8%
ถือเป็นเป้าหมายการทำงานที่ท้าทาย ที่จะต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC CONFIDENCE INDEX : TCC-CI)
รายภาคประจำเดือน ก.ย.61 อยู่ที่ระดับ 48.4 ปรับตัวลดลงจาก 49.8 ในเดือน ส.ค.61 ขณะที่มุมมองต่อดัชนีความเชื่อมั่นหอการ
ค้าไทยในอนาคตช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยอยู่ที่ระดับ 50.5 จากระดับ 51.9 ในเดือน ส.ค.61

ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาพรวมปัญหาเศรษฐกิจในทุกภาค ยังมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าอยู่ ซึ่งจากผลการสำรวจมีสัญญาณปรับลงในทุกภาค แต่ยังมั่นใจว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแรงอยู่ และ เชื่อว่าในอนาคตสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมในทุกภาคจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยยังมีภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล ยังเป็นภาคที่เศรษฐกิจมีโอกาสเติบโตมากขึ้น

  • หอการค้าไทย ยังประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ 4.6% ส่วนในปีหน้ายังมองในกรอบ 4.0-4.5% โดยปัจจัย
ส่วนหนึ่งมาจากเม็ดเงินจากการเลือกตั้งที่จะเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 8 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งจะใช้ในช่วงการเลือก
ตั้งที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนก.พ.62 ราว 4-5 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นจะเป็นเม็ดเงินเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน
ก.ย.61 อยู่ที่ระดับ 91.5 ลดลงจากระดับ 92.5 ในเดือนส.ค.61 จากการสำรวจพบว่าในเดือนก.ย. ความเชื่อมั่นภาค
อุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง กระทบต่อต้นทุนการผลิตและการ
ขนส่ง ขณะที่ผู้ประกอบการส่งออกเห็นว่า เงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง รวมทั้งปัญหา
ความแออัดของท่าเรือที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้า ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเห็นว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ
และจีน มีแนวโน้มจะยืดเยื้อ
  • ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ย.61 ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 104,163 คัน ลดลง 13.67% จาก
เดือน ก.ย.60 จากการส่งออกรถยนต์นั่ง รถกระบะ และรถ PPV ที่ลดลง โดยลดลงเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาด
แอฟริกา และตลาดอเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ คิดเป็น 54,403.22 ล้านบาท ลดลง 14.55%
  • กระทรวงการคลังสหรัฐได้เปิดเผยรายงาน "นโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ
(International Economic and Exchange Rate Policies) รอบครึ่งปี ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ไม่มี
ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐประเทศใดที่มีพฤติกรรมบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งรวมถึงจีน

อย่างไรก็ตาม รายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า จีน เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ใน "รายชื่อประเทศที่ถูกจับตา" ซึ่งหมายความว่า ทางการสหรัฐจะจับตานโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

  • สหรัฐเตรียมถอนตัวออกจากข้อตกลงอัตราการส่งสินค้าซึ่งมีมานานกว่า 144 ปี เนื่องจากทำเนียบขาวระบุว่า ด้วย
เงื่อนไขภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวทำให้จีนส่งสินค้ามายังสหรัฐด้วยราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
  • โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนจะยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือในการจัดตั้ง
เขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างจีนและแคนาดา รวมถึงกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับแคนาดาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
  • ที่ประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเอเปคได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า ปัจจัยเสี่ยงช่วงขาลงที่มีผลต่อเศรษฐกิจโลกนั้น
เพิ่มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ