(เพิ่มเติม) พาณิชย์ เผย ก.ย.61 ส่งออก -5.20% ลดลงครั้งแรกในรอบ 19 เดือน เหตุฐานปีก่อนสูง-ผลกระทบสงครามการค้า-ตลาดเกิดใหม่มีปัญหา

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 22, 2018 12:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ก.ย.61 ระบุว่า การส่งออกมีมูลค่า 20,699.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -5.20% จากตลาดคาดโต 5.4-5.6% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,212.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.90% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 487.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับการส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกปี 61 (ม.ค.-ก.ย.61) มีมูลค่า 189,729 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 8.13% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 186,891 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 15.2% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 2,838.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนก.ย.61 ติดลบ 5.2% คิดเป็นมูลค่า 20,699 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นการส่งออกที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.พ.60 ที่การส่งออกของไทย ติดลบ 2.87%

สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้มูลค่าการส่งออกไทยในเดือน ก.ย.61 ลดลงเป็นผลจากฐานที่สูงในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน (ก.ย.60) นอกจากนี้ การส่งออกของไทยเริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ที่ประสบปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจในประเทศ และปัญหาค่าเงิน

"ช่วงนี้ประเทศต่างๆ มีปัญหาค่าเงิน ทั้งตุรกี อาร์เจนติน่า ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่มีปัญหาชะลอตัว จึงนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศลดลง รวมถึงไทยด้วย ซึ่งปัจจัยนี้จะยังมีต่อเนื่องต่อไป" น.ส.พิมพ์ชนก ระบุ

สำหรับการส่งออกไปยังตลาดหลัก ทั้งสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และตลาด CLMV ยังขยายตัวได้ดี โดยตลาด CLMV ขยายตัวสูงสุดที่ 17.5% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ, รถยนต์และส่วนประกอบ, น้ำมันสำเร็จรูป, เม็ดพลาสติก และสินค้าปศุสัตว์อื่นๆ เป็นต้น

รองลงมา เป็นตลาดสหภาพยุโรป ขยายตัว 3.9% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์, รถยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องปรับอากาศ, โทรทัศน์และส่วนประกอบ เป็นต้น ตลาดสหรัฐอเมริกา ขยายตัว 1.2% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์, ผลิตภัณฑ์ยาง, อัญมณีและเครื่องประดับ, โทรศัพท์และอุปกรณ์ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น

ส่วนตลาดญี่ปุ่น ขยายตัว 0.2% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก, รถยนต์และส่วนประกอบ, เหล็กและผลิตภัณฑ์ และไก่แปรรูป เป็นต้น และตลาดอาเซียน ขยายตัว 0.2% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก รถยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องยนต์สันดาป, เหล็กและผลิตภัณฑ์ และไก่แปรรูป เป็นต้น

ขณะที่การส่งออกไปตลาดอื่นๆ ปรับตัวลดลง เช่น ตลาดรัสเซีย และกลุ่มประเทศ CIS ลดลง 19.9% ตลาดออสเตรเลีย ลดลง 19.3% ตลาดลาตินอเมริกา ลดลง 12% ตลาดจีน ลดลง 14.1% ตลาดเอเชียใต้ ลดลง 3.7% และตลาดตะวันออกกลาง ลดลง 0.5%

ผู้อำนวยการ สนค.ยังเชื่อว่าการส่งออกของไทยในปี 61 ยังสามารถขยายตัวได้ 8% ตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้ เนื่องจากผู้ประกอบการส่งออกส่วนใหญ่ต่างเชื่อมั่นว่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มเติบโต สะท้อนจากโอกาสในการเร่งส่งออกสินค้าที่มีศักยภาพเพื่อทดแทนสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และการกระจายความเสี่ยงการส่งออกไปยังตลาดใหม่

ทั้งนี้ แม้การส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงภายนอกอยู่บ้าง แต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่ง สินค้าส่งออกไทยมีความหลากหลายและความสามารถทางการแข่งขันในระดับสูง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนโอกาสในการเร่งผลักดันการส่งออกท่ามกลางความท้าทายในระยะสั้นและระยะกลางที่ไทยต้องเผชิญ

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางการค้าและการลงทุนในระยะสั้น แต่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ดี จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ อีกทั้งศักยภาพการส่งออกของไทย และการกระจายตัวสู่ตลาดส่งออกใหม่ๆ จะช่วยลดทอนความเสี่ยงและสนับสนุนให้การส่งออกไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ประเด็นความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ผู้ส่งออกควรทำประกันความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท และรักษารายได้การส่งออกในรูปเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

"เรายังมั่นใจว่าปีนี้จะทำได้ตามเป้า 8% ซึ่งการส่งออกในช่วงที่เหลืออีก 3 เดือน จะต้องได้อย่างน้อยเดือนละ 21,000 ล้านดอลลาร์ และในเดือนหน้า (ต.ค.) คาดว่าแนวโน้มการส่งออกจะเป็นบวก" น.ส.พิมพ์ชนก ระบุ

สำหรับผลกระทบของการส่งออกไทยจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ผลกระทบสงครามการค้าต่อมูลค่าส่งออกไทยที่หายไปในเดือน ก.ย.มีดังนี้ 1.ผลลบทางตรง มูลค่าส่งออกหายไป 75 ล้านดอลลาร์ 2.ผลลบทางอ้อม มูลค่าส่งออกหายไป 392 ล้านดอลลาร์ 3.ผลบวกจากสินค้าไทยทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐ เพิ่มขึ้น 65 ล้านดอลลาร์ โดยรวมแล้วเดือนกันยายนผลจากสงครามการค้าทำให้มูลค่าส่งออกรวมหายไป 402 ล้านเหรียญ หรือ 1.8% ของมูลค่าส่งออก

"แม้การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า แต่ผลบวกก็ยังมี room ที่จะสามารถขยายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมาจากสินค้าไทยที่จะเข้าไปทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐ ซึ่งยังมี room ให้โตได้อีก"ผู้อำนวยการ สนค.ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ