กกร. ให้"มะพร้าว"เป็นสินค้าควบคุม เตรียมเสนอครม.เร็วๆนี้ คาดใช้มาตรการ 7 เดือน เชื่อดันราคาขึ้นได้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 25, 2018 16:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้นำสินค้ามะพร้าว ทั้งมะพร้าวผล มะพร้าวแห้ง และเนื้อมะพร้าวแห้งเข้าสู่บัญชีสินค้าควบคุม ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยใช้มาตรการกำหนดให้การนำเข้ามะพร้าวสามารถนำเข้าได้จาก 2 ด่านเท่านั้น คือ ด่านกรุงเทพฯ และด่านแหลมฉบัง

ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ทั้งสะเดา จ.สงขลา, จ.สตูล, สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส, จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี ได้กำหนดปริมาณการขนย้ายภายในประเทศที่จะต้องขออนุญาต โดยหากเป็นมะพร้าวผล ต้องไม่เกิน 7 ตัน เนื้อมะพร้าวขาว ไม่เกิน 2.5 ตัน และเนื้อมะพร้าวแห้ง ไม่เกิน 1.5 ตัน หากเกินกว่านี้จำเป็นต้องขออนุญาตก่อนการขนย้าย

"การขึ้นบัญชีสินค้าควบคุม และควบคุมการขนย้าย เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ามะพร้าวมาในประเทศ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคามะพร้าวในประเทศลดลงมาก ส่วนการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย 5-6 พื้นที่ที่ต้องขออนุญาตการขนย้าย เป็นเพราะได้รับรายงานว่า มีการลักลอบนำเข้ามากในพื้นที่ดังกล่าว หากจะขนย้ายเกินปริมาณที่กำหนดต้องขออนุญาต ถ้าไม่เกินก็ไม่ต้องขอ โดยส่วนใหญ่เกษตรกร และผู้ประกอบการรายเล็กๆ ในพื้นที่ มักขนย้ายไม่เกินปริมาณที่กำหนดอยู่แล้ว" รมว.พาณิชย์กล่าว

โดยกระทรวงพาณิชย์จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในเร็วๆ นี้ จากนั้น กกร.จะออกประกาศขึ้นบัญชีเป็นสินค้าควบคุมเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป คาดว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวเป็นระยะเวลา 7 เดือน หากผู้ใดฝ่าฝืน โดยขนย้ายโดยไม่ขออนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไทยยังไม่ได้ออกมาตรการชะลอการนำเข้ามะพร้าว เพราะยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการบริหารจัดการการนำเข้ามะพร้าว หลังจากที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้แต่งตั้งไปแล้ว ระหว่างนี้ไทยจะเข้มงวดการออกหนังสือรับรองการนำเข้า และตรวจสอบสุขอนามัยพืชให้มากขึ้น คาดว่า มาตรการทั้งหมดจะทำให้ราคามะพร้าวในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยล่าสุด ราคามะพร้าวผลในประเทศขึ้นมาอยู่ที่ผลละ 5 บาทกว่า จากก่อนหน้านี้ผลละ 4 บาทกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ