พาณิชย์ ชี้โอกาสจากสงครามการค้า หวังดึงฐานการผลิตสินค้าของสหรัฐฯ ในจีนมาไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 31, 2018 10:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าหลังการประกาศขึ้นภาษีขาเข้าของสหรัฐ ที่เป็นตัวจุดชนวนสงครามการค้ากับจีน และส่งผลกระทบต่อนานาประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการสหรัฐจำนวนมากพยายามย้ายแหล่งผลิตออกจากจีนทั้งที่มีการเข้าไปลงทุนเอง และที่ว่าจ้างให้ผลิต สำหรับผู้ประกอบการสหรัฐที่ว่าจ้างผลิตนั้น อาจย้ายแหล่งผลิตได้ง่ายกว่ากลุ่มที่เข้าไปลงทุนผลิตในจีนเอง และบางส่วนได้ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกแหล่งผลิตใหม่แล้ว เว้นแต่กลุ่มที่มีแหล่งสินค้าผูกติดกับจีนหรือกำลังอยู่ระหว่างยื่นขอรับการยกเว้นจากรัฐบาล

โดยผู้ประกอบการสหรัฐจำนวนมาก กำลังศึกษาหาแหล่งผลิตทางเลือกใหม่จากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงเม็กซิโกที่ไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มจากสหรัฐ เพราะวัตถุประสงค์หลักของการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ก็เพื่อลดปริมาณการนำเข้าสินค้าจากจีนลง จึงไม่น่าจะยอมยกเว้นให้มากนัก

"ในปี 2019 หากสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 25% ผู้ค้าปลีกบางส่วนยืนยันว่าคงต้องผลักภาระไปให้ผู้บริโภคแน่นอน หากไม่ได้รับการยกเว้น ในขณะที่ผู้ผลิตสินค้าบางรายการเริ่มผลักภาระให้ผู้บริโภคแล้ว เช่น กระเป๋าเดินทาง และกระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬาที่ขายในสหรัฐ ซึ่งมีแหล่งผลิตจากจีนถึง 70% หรือสินค้าที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ต้องอาศัยแหล่งผลิตจากจีนถึง 84% โดยผู้ผลิตสินค้ายืนยันว่าการย้ายฐานการผลิตเป็นไปได้ยาก เนื่องจากประเทศอื่นๆ ไม่มีกำลังการผลิตหรือความสามารถการผลิตเทียบเท่ากับจีน นอกจากนี้ยังมีจักรยานที่นำเข้าจากจีนถึง 92% เนื้อปลานิลแช่แข็ง 85% ผู้ประกอบการชาวสหรัฐส่วนใหญ่กำลังมองหาแหล่งผลิตสินค้าและวัตถุดิบจากประเทศอื่น แต่ยังต้องคำนึงถึงสัดส่วนกำไรที่น้อยลงและความเชี่ยวชาญในกิจการนั้นๆด้วย"นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าว

พร้อมระบุว่า สินค้าที่กำลังเข้าแถวรอการปรับขึ้นอัตราภาษีจาก 10% เป็น 25 % ในปี 2562 แบ่งตามหมวดใหญ่ๆ ได้แก่ สารอินทรีย์เคมี ปลา สารเคมี ฝ้าย กระดาษ อุปกรณ์และชิ้นส่วนประกอบเครื่องจักรยานยนต์ อุปกรณ์ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อาหาร พืชผัก รวมกันแล้วกว่า 5,745 รายการ ซึ่งสินค้าในหลายรายการนี้ ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ และถือเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพต้องเร่งพัฒนาตนเองให้เป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้ประกอบการสหรัฐ ที่ยังมองหาแหล่งผลิตใหม่มาทดแทนแหล่งผลิตจากจีน

หากสหรัฐขยายกรอบการเพิ่มภาษีขาเข้าสำหรับสินค้าจีนไปยังสินค้าอื่น เช่น รองเท้าเด็ก เสื้อผ้าเด็ก ที่มีมูลค่าถึง 2.67 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ผู้ประกอบการสหรัฐก็ต้องเร่งหาแหล่งผลิตสินค้าใหม่ ซึ่งสำหรับบางรายที่ลงทุนและใช้แหล่งการผลิตจากจีนมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี การจะย้ายฐานการผลิตสินค้าต้องใช้เวลานาน หรืออาจไม่สามารถย้ายฐานการผลิตได้เลย หากมีการขยับภาษีนำเข้าเป็น 25% บริษัทเหล่านี้ก็จำเป็นต้องผลักภาระให้ผู้บริโภครับไว้ในที่สุด

น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าวด้วยว่า แม้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าได้ไม่นาน แต่กรมส่งเสริมการค้าระหว่าประเทศ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการวางแผนจัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อพลิกวิกฤตสงครามการค้าเป็นโอกาสของสินค้าไทย โดยได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ศึกษาโอกาสที่ไทยจะเข้าไปทดแทนในการผลิตสินค้าที่จีนส่งไปสหรัฐไม่ได้ และสินค้าที่สหรัฐส่งไปจีนไม่ได้ รวมทั้งหาตลาดศักยภาพใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมทั้งฝากถึงผู้ประกอบการไทยทั้งรายย่อยอย่าง SME และ Startup จนถึงรายใหญ่ พัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้าของไทย เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก เพราะเศรษฐกิจของไทยยังคงพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ