นักวิชาการ มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวเกิน 4.5%

          นักวิชาการมองเศรษฐกิจปีนี้โตได้ 4.5-4.8% โดยมาจากการการลงทุนในประเทศ ส่วนปัญหาสหรัฐอาจกระทบการส่งออก แนะรัฐบาลใหม่แสวงหาตลาดใหม่ทดแทน 
          นายกิตติ  ลิ่มสกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งยังสามารถขยายตัวได้ ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคของประชาชน 
          ขณะที่ปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐก็มีแนวโน้มที่จะขยายตัว จึงจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ขณะเดียวกันยังคงมีปัจจัยบวกจากการที่จะตั้งรัฐบาล ที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้ บวกกับรัฐบาลใหม่จะเร่งนโยบายการคลัง กระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานระดับรากหญ้า รวมไปถึงการใช้นโยบายประชานิยม ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4.8%  
          ทั้งนี้รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนพลังงานชุมชน เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ และไม่ควรขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% โดยให้คงอยู่ในอัตราปัจจุบันเพื่อไม่ให้เป็นภาระประชาชนและผู้ประกอบการ
          ด้านนายอัทธ์  พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนยศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะขยายตัว 4.5% ขึ้นไป เพราะมีการกระตุ้นการลงทุนในประเทศทดแทนการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่าในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 9-14% จากปี 2550 ที่ขยายตัว 17-18%  
          สำหรับสาเหตุการส่งออกที่ขยายตัวลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐ และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32-33 บาทต่อดอล์ล่าสหรัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 
          ผู้อำนวยการศูนยศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกอีกว่า รัฐบาลควรมีการขยายการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ เช่น รัสเซีย ตะวันออกลาง เพื่อผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น