(เพิ่มเติม) พาณิชย์ เผยส่งออก ต.ค. ขยายตัว 8.7% จากตลาดคาดโต 3.5-4.0%, 10 เดือนแรกโต 8.19%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 21, 2018 12:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนต.ค.61 โดยภาพรวมการส่งออก ขยายตัว 8.7% จากตลาดคาดเติบโต 3.5-4.0% คิดเป็นมูลค่า 21,757.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการนำเข้า ขยายตัว 11.23% มีมูลค่า 22,037.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 279.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับการส่งออกในช่วง 10 เดือนปี 61 (ม.ค.-ต.ค.61) ขยายตัว 8.19% มีมูลค่า 211,487.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการนำเข้าขยายตัว 14.78% มูลค่า 208,928.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 2,558.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนต.ค.61 กลับมาขยายตัวที่ 8.7% โดยขยายตัวเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย และ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ที่ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ตลาดสหรัฐฯ และจีนยังกลับมาขยายตัวหลังจากที่หดตัวเล็กน้อยในเดือนก่อนหน้านี้

สำหรับการส่งออกสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 12.2% โดยสินค้าเกษตรสำคัญขยายตัวเกือบทุกรายการ สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ น้ำตาล ขยายตัว 77.8% ข้าว ขยายตัว 28.2% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัว 18.5% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ขยายตัว 15.6% และผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 10.6% ส่วนการส่งออกสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ขยายตัว 6.8% สินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ขยายตัว 29.1% ทองคำ ขยายตัว 240% อัญมณีและเครื่องประดับ ขยายตัว 21.1% เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ ขยายตัว 33.7%

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า สำหรับการส่งออกไปยังตลาดสำคัญส่วนมากปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการส่งออกไปตลาดหลักขยายตัว 7.1% เช่น ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 7.2% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง, รถยนต์และส่วนประกอบ, เหล็กและผลิตภัณฑ์, เครื่องนุ่งห่ม, อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น อย่างไรก็ดี สินค้าที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศ เช่น เครื่องซักผ้า และโซลาร์เซลล์ ยังคงหดตัวต่อเนื่อง, ตลาดญี่ปุ่น ขยายตัว 18.7% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 เดือน ตลาดจีน กลับมาขยายตัว 3% หลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดศักยภาพสูง ขยายตัว 13.2% แต่ตลาดศักยภาพรอง หดตัวที่ 3.7%

ส่วนผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่มีต่อการส่งออกไทยในเดือน ต.ค.นั้น เมื่อหักลบกันแล้วทั้งในส่วนที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จะพบว่าประเทศไทยได้รับผลประโยชน์มากกว่า โดยผลลบจากการมาตรการทางตรงของสหรัฐฯ ที่ทำให้การส่งออกสินค้าโซลาร์เซลล์ เครื่องซักผ้า เหล็ก และอลูมิเนียมจากไทย เป็นผลลบเนื่องจากแม้การส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงไป 45 ล้านดอลลาร์ แต่ไทยยังได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าห่วงโซ่อุปทานไปจีน เพิ่มขึ้น 26 ล้านดอลลาร์ รวมกับผลบวกจากการส่งออกสินค้าไทยที่ทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐ เพิ่มขึ้นอีก 165 ล้านดอลลาร์ เช่น ยานพาหนะและส่วนประกอบ, เคมีภัณฑ์, เหล็กและผลิตภัณฑ์, เครื่องจักรและส่วนประกอบ

"เมื่อหักลบกันแล้ว ในเดือนนี้ถือว่าไทยยังได้กำไรจากสงครามการค้าอยู่ที่ 146 ล้านดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ดี ในระยะยาว มองว่าน่าจะมีแต่เสียประโยชน์ เพราะสงครามการค้าได้สร้างความไม่มั่นใจแผ่ไปถึงตลาดทุน คนไม่มั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพ และความปั่นปวนในตลาด" น.ส.พิมพ์ชนก ระบุ

ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดว่าการส่งออกในปี 61 จะยังขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญที่ยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/61 เช่น สหรัฐฯ ที่การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน เป็นผลดีต่อการส่งออกของไทยในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค และการเติบโตของภาคธุรกิจที่ยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการภาษี ส่วนตลาดยุโรป จีน และญี่ปุ่น เศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะมีแนวโน้มชะลอตัวลงบ้างจากปัจจัยภายในประเทศ ขณะที่ตลาดอาเซียน มีแนวโน้มการขยายตัวสูงและเป็นอีกหนึ่งตลาดศักยภาพที่มีบทบาทสูงต่อภาพรวมการส่งออกของไทยในระยะหลัง

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมจะผลักดันการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเล็งเห็นความสำคัญของการส่งออกในกลุ่มอาเซียน และ CLMV มากขึ้น ซึ่งอาจช่วยทดแทนการส่งออกที่หดตัวลงในภูมิภาคอื่นๆ ได้ ขณะเดียวกันจะพยายามเพิ่มบทบาททางการค้าของประเทศไทยในฐานะที่จะเป็นประธานอาเซียนในปี 62 เพื่อรองรับการเติบโตในภูมิภาคต่อไป พร้อมทั้งเตรียมรับมือผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน เพื่อให้การส่งออกของไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่องต่อไปในปี 62

"ยังคาดว่าส่งออกปีนี้จะโตตามเป้าที่ 8% เราได้เตรียมกลยุทธ์และแนวทางการส่งเสริมการส่งออก การค้า และการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ และปี 62 โดยเชื่อมั่นว่าสินค้าของไทยมีความหลากหลาย และความสามารถในการแข่งขันในระดับสูง จะเป็นโอกาสในการเร่งผลักดันการส่งออก และสนับสนุนให้การส่งออกไทยมีความยืดหยุ่น รับมือความผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกได้ดีขึ้น" น.ส.พิมพ์ชนก ระบุ

อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าการส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะสามารถทำได้ราว 22,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ระดับ 8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ