(เพิ่มเติม1) ก.ท่องเที่ยวฯ เผยต่างชาติเที่ยวไทย ต.ค.61 หดตัว 0.51% จากนทท.จีน-ยุโรปลดลง, 10 เดือนยังโตเฉลี่ย 7.84%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 21, 2018 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในเดือน ต.ค.61 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัว 0.51% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลจากมาจากการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีน โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,712,033 คน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ นักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป เอเชียใต้ อเมริกา โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตามลำดับ

"เดือนต.ค.61 เมื่อเปรียบเทียบกับ ต.ค.60 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางทางอากาศติดลบเกือบ 4% ขณะที่ทางบกเพิ่มขึ้นมา 18% ซึ่งกลายเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยทดแทนสัญชาติที่เดินทางมาทางอากาศ โดยเฉพาะจีนที่ตัวเลขติดลบค่อนข้างมาก ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงแล้วก็ยังมีนักท่องเที่ยวยุโรปที่จำนวนลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของยุโรปที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะจากประเด็นB rexit ของอังกฤษที่เริ่มสร้างความสับสนให้ตลาดยุโรปพอสมควร...ถือว่า ต.ค.61 เป็นเดือนแรกในรอบ 10 เดือนที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติติดลบ" นายพงษ์ภาณุ กล่าว

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน มาเลเซีย ลาว เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย รัสเซีย อเมริกา กัมพูชา และสิงคโปร์ ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในเดือน ต.ค.61 การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวระหว่างเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย ก่อให้เกิดรายได้ 141,060.57 ล้านบาท ขยายตัว 0.66% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สำหรับนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน มาเลเซีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ลาว และอินเดีย ตามลำดับ

ขณะที่ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 31,253,920 คน ขยายตัว 7.84% และสร้างรายได้รวม 1,631,518.58 ล้านบาท ขยายตัว 9.98% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวชาวไทยเที่ยวไทยในเดือน ก.ย.61 มีชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวน 13.44 ล้านคน-ครั้ง ขยายตัว 2.46% และการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของชาวไทย คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้ 93,089.18 ล้านบาท ขยายตัว 4.50% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งเมืองหลักและเมืองรองมีการเติบโตเป็นบวกอย่างเข้มแข็งทุกเดือน และไทยเที่ยวไทยน่าจะเป็นความหวังในระยะต่อไปได้พอสมควร โดยทำรายได้รวม 9 เดือนที่ 7.88 แสนล้านบาท

ด้านเมืองรอง หลังจากรัฐบาลมีนโยบายการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองและยังมีมาตรการภาษีออกมา มีการทำการส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองอย่างต่อเนื่อง ปรากฎว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวเมืองรองดีขึ้นมากพอสมควร อัตราการขยายตัวของนักท่องเที่ยวไปเมืองรองเกือบ 5% ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวของนักท่องเที่ยวเมืองหลัก ดังนั้นถือว่าปี 61 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวเมือรองเลยก็ว่าได้ โดยเมืองรองที่มีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวสูงสุด คือ นครพนม นครนายก น่าน ระนอง ส่วนเม็ดเงินที่กระจายไปสู่เมืองรอง 1.65 แสนล้านบาท เติบโตเกือบ 9% ถือว่าสูงมากเป็นประวัติการณ์เนื่องจากปีก่อนๆหน้านี้อัตราการเติบโตไม่ถึง 6%

"ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ได้ว่าสิ่งที่เราดำเนินการมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดหย่อนภาษี การทำโปรโมชั่นหรือแคมเปญต่างๆ การทำระบบฐานข้อมูลเมืองรอง การส่งเสริมในรูปแบบต่างๆ มันเริ่มจะเห็นผลชัดเจนขึ้น"นายพงษ์ภาณุ กล่าว

นายพงษ์ภาณุ กล่าวถึงเป้าหมายรายได้ 3 ล้านล้านบาทว่า ถึงตอนนี้ไม่มั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ เพราะในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ 2 ล้านล้านบาท ขณะนี้ทำได้ 1.632 ล้านล้านบาท แปลว่าช่วง 2 เดือนสุดท้าย ต้องทำอีก 3.7 แสนกว่าล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1.8 แสนล้านบาท

"ถ้าถามว่าเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาทจะทำได้หรือไม่ ขอไม่ตอบเพราะต้องทำอีก 3.7 แสนล้านบาทใน 2 เดือนถือว่าไม่ง่าย"นายพงษ์ภาณุ กล่าว

ส่วนมาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว (Visa On Arrival : VOA) ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า มีส่วนกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น โดยสังเกตจากตัวเลขในช่วงวันที่ 1-14 พ.ย.ที่ ติดลบ2.12% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หลังจากเริ่มใช้ฟรีค่าธรรมเนียม VoA พบว่ากลับมาเป็นบวก 12% (15 พ.ย.61 เทียบ 15 พ.ย. 60) และเพิ่มมาตลอด 5 วัน ทำให้โดยรวม 1-20 พ.ย.61 นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 2 ล้านคนเพิ่มขึ้น ขยายตัว 0.52%

"อย่างไรก็ตาม มาตรการ VoA ไม่มีผลทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเป็นบวกแต่ติดลบน้อยลงจาก -20% เหลือ -18% ตรงกันข้ามมีผลต่อนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างเห็นได้ชัด"

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในปี 62 แนวโน้มการท่องเที่ยวไทยจะเผชิญความท้าทายมากขึ้น จากประเด็นต่างๆ ดังนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวจีน ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจจีนซึ่งอาจจะมีผลต่อกำลังซื้อของกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางและล่างซึ่งช่วงที่ผ่านมา, ผลจากสงครามการค้าจีนและสหรัฐฯ จะเริ่มทยอยส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนด้วย

นอกจากนี้ยังมีประเด็นการแข่งขันระหว่างประเทศซึ่งหลายประเทศมีมาตรการออกมาดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนทำให้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มแสวงหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ทำให้ไทยต้องหันกลับมาดูตัวเองในเรื่องผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมทั้งต้องติดตามสภาพเศรษฐกิจยุโรป กับปัญหาภัยธรรมชาติของแต่ละประเทศที่เผชิญปัญหาภัยธรรมชาติในรูปแบบที่แตกต่างกันที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในแต่ละประเทศและมีผลให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ