นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง แสดงความเห็นถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่า การตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยนำมาประกอบกัน ไม่ใช่การปรับขึ้นตามประเทศอื่นๆ โดยสิ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพิจารณา คือ ผลกระทบที่จะมีต่อความมั่นคงในระบบการเงิน ซึ่งจะต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาหรือความปั่นป่วนเกิดขึ้น นอกจากนี้ จะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อการลงทุนด้วยเช่นกัน ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้วจะส่งผลอย่างไร
"เรื่องความมั่นคง เขา (ธปท.) ก็ต้องประเมินดู เช่น ถ้าเกิดมีเงินไหลออกมาก หรือค่าเงินตกลงอย่างรวดเร็วจนดูแลไม่อยู่ นี่คือสิ่งที่เขาต้องดู มันเป็น stability ทางการเงิน เพราะการขยับดอกเบี้ยขึ้นทุกครั้งมันมีต้นทุน ขึ้นสลึงนึง (0.25%) ต้นทุนต่อประเทศก็หลายหมื่นล้านบาทแล้ว ต้นทุนเขาก็หมื่นล้านเหมือนกัน" รมว.คลังกล่าว
ส่วนกรณีที่จะต้องมี Policy Space เผื่อไว้รองรับสถานการณ์ในอนาคตนั้น รมว.คลัง ระบุว่า เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ นโยบายการเงินก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก เพราะมี effect น้อย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุว่าการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน และต่ำมากเป็นพิเศษ ย่อมจะทำให้เกิดจุดเปราะบางและส่งผลข้างเคียงต่อระบบการเงินไทยได้